เอาผิดโทษหนักรีไซเคิล “หน้ากากอนามัย” เผยผลตรวจ 326 ร้าน ไม่เจอขายเกินราคา-กักตุนสินค้า

เอาผิดโทษหนักรีไซเคิล “หน้ากากอนามัย” เผยผลตรวจ 326 ร้าน ไม่เจอขายเกินราคา-กักตุนสินค้า

ในประเทศ

โฆษกตำรวจเผยผลปฏิบัติการร่วมกับกรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์ สุ่มตรวจร้านค้าหน้ากากอนามัย 326 ร้าน ไม่พบขายเกินราคา-กักตุนสินค้า ส่วนกรณีรีไซเคิลหน้ากากอนามัยที่สระบุรี ดำเนินคดีโทษหนักสุด

พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้า สืบเนื่องจากการปฏิบัติงานร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจ สาธารณสุขอำเภอ และฝ่ายปกครอง ทลายแหล่งรีไซเคิลหน้ากากอนามัยมือสองส่งจำหน่าย เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมาในเขตพื้นที่ สภ.วิหารแดง จ.สระบุรี โดยสภ.วิหารแดงรายงานว่า การกรณีดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบแล้วพบว่า มีการกระทำความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง พนักงานสอบสวนจึงได้แจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหา จำนวน 3 คน ซึ่งเป็นผู้ครอบครองสถานที่ในการก่อเหตุจำนวน 2 คน และผู้นำของไปขาย จำนวน 1 คน

(แฟ้มภาพ)

ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 271 “ผู้ใดขายของโดยหลอกลวงด้วยประการใดๆ ให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพหรือปริมาณแห่งของนั้นอันเป็นเท็จ ถ้าการกระทำนั้นไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” และ ตาม พรบ.ควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า พ.ศ.2474 มาตรา 4 “ห้ามมิให้ผู้ใดประกอบอาชีพขายทอดตลาดหรือค้าของเก่าเว้นแต่จะได้รับอนุญาติ” ประกอบกับ มาตรา 12 “ผู้ใดประกอบอาชีพขายทอดตลาดหรือค้าของเก่าโดยไม่ได้รับใบอนุญาต” โทษจําคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ โดยในส่วนความผิดตาม พรบ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 หรือไม่นั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะประสานการปฎิบัติกับพาณิชย์จังหวัดเพื่อไปตรวจสอบและดำเนินการตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้องต่อไป

รองโฆษก สตช. กล่าวต่ออีกว่า ขอฝากเตือนไปยังผู้ใดที่คิดจะกระทำการในลักษณะแบบนี้ ขอให้คำนึงถึงผลกระทบและตระหนักถึงความรับผิดชอบที่ควรมีต่อสังคม เป็นที่ทราบกันดีว่า ปัจจุบันในห้วงที่มีการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดและการป้องกันไวรัสโควิด-19 นั้น ทำให้ประชาชนมีความต้องการหน้ากากอนามัยเพิ่มมากขึ้น และไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน และหากผู้ประกอบการหรือผู้ใดคิดที่จะฉวยโอกาสกอบโกยเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเด็ดขาด ไม่ให้ผู้ใดฉวยโอกาสและซ้ำเติมพี่น้องประชาชน

อีกทั้ง กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) มีมาตรการในการกำกับดูแลปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น จำนวน 3 มาตรการ ดังนี้

1. มาตรการปราบปราม ร่วมกับกรมการค้าภายใน จัดชุดปฏิบัติการเป็น 6 ชุด ออกตรวจสอบทุกพื้นที่และล่อซื้อจับกุมทุกวัน

2. มาตรการสืบสวน: การสืบสวน โดยทำการล่อซื้อผู้จำหน่ายทางอินเตอร์เนตและช่องทางอื่นที่เกี่ยวข้อง

3. มาตรการตรวจสอบและประชาสัมพันธ์ ได้ทำการตรวจสอบร้านค้า และแจกโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ จำนวน 326 แห่ง ผลการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบร้านที่มีการขายสินค้าเกินราคาและกักตุนสินค้า

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทลายแหล่งรีไซเคิลหน้ากากอนามัย เอาของใช้แล้วมารีดใส่ซองขายใหม่

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง