หัวกะทิ MBA จบตอนนี้ก็เสี่ยงตกงาน บริษัทชั้นนำ ลดการจ้าง

ปัญหานักศึกษาจบใหม่ตอนนี้คือตกงาน ไม่เกินจริง แม้กระทั่งเด็กหัวกะทิที่จบ MBA (หลักสูตรทางด้านบริหารธุรกิจ) ออกมา บริษัทใหญ่ๆ มายืนรอแย่งรับเข้าทำงาน ตอนนี้ก็เสี่ยงตกงานแล้ว เพราะด้วยสภาพเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน กับแต่ละอุตสาหกรรมเอาเทคโนโลยีมาใช้มากขึ้น ทำให้การเพิ่มคนทำงานอาจตัวเลือกล้าหลัง

เรื่องราวนี้เห็นได้ชัดจากในสหรัฐอเมริกา คนที่จบ MBA ออกมาตอนนี้เริ่มตกงาน จนทำให้เกิดรายงานผลการจ้างงานของบัณฑิต MBA ประจำปี 2024 ล่าช้ากว่าปกติ ซึ่งข้อมูลที่เผยแพร่ได้ระบุถึงโรงเรียนธุรกิจชั้นนำ 15 แห่ง มีอัตราการหางานสำเร็จภายใน 3 เดือนหลังจบการศึกษา ลดลงจาก 90% เหลือเพียง 84% ถ้าเทียบกับค่าเฉลี่ยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ลดลงแล้วถึง 8%

ยกตัวอย่างจากโรงเรียนธุรกิจ Sloan ของ MIT ซึ่งมีชื่อเสียงระดับโลกในรอบ 10 ปีนี้ มีเพียง 62% ของบัณฑิตที่ได้งานทันทีหลังเรียนจบ โดยลดลงจากค่าเฉลี่ย 82% และ 77% ได้งานภายใน 3 เดือน ซึ่งค่าเฉลี่ยลดลงจาก 93%

[ McKinsey จ้างหัวกะทิ MBA ลดลง 25% หลายอุตสาหกรรมก็มองว่าไม่จำเป็น ]

สำหรับสาเหตุของปัญหาที่หลายอุตสาหกรรมจ้างหัวกะทิ MBA น้อยลงเป็นเพราะความจำเป็นน้อยลง เช่น อุตสาหกรรมเทคโนโลยีมีความผันผวนสูง บริษัทเทคเอาคนกับเทคโนโลยีมาช่วยกันทำงาน ทำให้ความสนใจที่จะจ้างหัวกะทิ MBA ลดน้อยลง

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดจากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี เช่น Alphabet, Amazon, Apple, Meta และ Microsoft ต่างก็จ้างงานบัณฑิต MBA ลดลงมากกว่า 50% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยปี 2018-2022

หรือบางอุตสาหกรรมที่ดูเหมือนว่าที่เคยต้องใช้คนจบ MBA โดยตรงก็ลดน้อยลงเช่นกัน ตัวอย่างเช่น บริษัทที่ปรึกษาทางแบบ McKinsey, Boston Consulting Group (BCG) และ Bain ซึ่งเคยเป็นผู้ว่าจ้างหลักของบัณฑิต MBA ลดการจ้างงานลง 25% เมื่อเทียบกับช่วง 3 ปีก่อนหน้า เพราะว่าต้องการผู้มีความเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์มากขึ้นแทน

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเมือง เช่น การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการผลิตในอเมริกา (reindustrialisation) ยังไม่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในหลักสูตร MBA หรือการให้ความสำคัญกับ Diversity, Equity, and Inclusion (DEI) ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้บางคนมองว่าโรงเรียนธุรกิจให้ความสำคัญกับแนวคิดทางสังคมมากกว่าความต้องการของตลาด

[ ภาพจำหัวกะทิ MBA ในอดีตไม่ได้การันตีความเสร็จอีกต่อไป ]

อย่างที่เรารู้กันว่าในอดีต บัณฑิต MBA มีชื่อเสียงและความสำเร็จสูง เช่น Jamie Dimon (CEO JPMorgan Chase) และ Jeffrey Immelt (อดีต CEO General Electric) แต่ปัจจุบันการันตีความสำเร็จได้น้อยลง

ผลกระทบต่อบัณฑิต MBA ทำให้บัณฑิตบางคนเลือกเส้นทางใหม่ เช่น การบริหารธุรกิจขนาดเล็กผ่าน “Search Funds” ซึ่งนักลงทุนสนับสนุนเงินทุนให้บัณฑิต MBA ซื้อและบริหารธุรกิจที่มีอยู่แล้ว

สรุปได้ว่าถึงแม้ MBA เคยเป็นปริญญาที่ทรงอิทธิพลในโลกธุรกิจ แต่ความเปลี่ยนแปลงของตลาดและความต้องการของนายจ้างกำลังท้าทายคุณค่าของปริญญานี้ ด้วยงานที่หายากขึ้น สะท้อนว่าแม้จะจบสถาบันชื่อดังแค่ไหน ตัวบัณฑิตเองก็ต้องเผื่อใจและมองแนวทางอื่นๆ ไว้เพื่อต่อยอดอนาคต

ที่มา