ต้านกระแสไม่ไหว สุดท้ายเชนฟาสต์ฟู้ดรายใหญ่อย่าง ‘แมคโดนัลด์’ ก็ประกาศปิดร้านทั่วรัสเซียแล้ว
แมคโดนัลด์บอกว่าจะปิดร้าน 850 สาขาทั่วรัสเซียชั่วคราว โดยคำว่าชั่วคราว หมายถึง ราวๆ 2 สัปดาห์เท่านั้น
หลังก่อนหน้านี้ธุรกิจใหญ่ๆ หลายรายประกาศถอนตัว คว่ำบาตร หรือระงับกิจการในรัสเซีย
แต่ธุรกิจอาหารยังดำเนินการต่อไป เนื่องจากบริษัทอาหารมองว่าธุรกิจของตัวเองมีห่วงโซ่อุปทานที่ซับซ้อน ถ้าปิดร้านก็จะกระทบคนรัสเซียจำนวนมากที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสงคราม
จนสังคมเริ่มกดดันอย่างหนัก เกิดการติดแฮชแท็ก #BoycottMcdonald ในทวิตเตอร์ ซึ่งคาดว่านี่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้แมคโดนัลด์ตัดสินใจปิดร้าน
แมคโดนัลด์ให้เหตุผลในการแสดงจุดยืนครั้งนี้ว่า “ความทุกข์ทรมานที่ไม่จำเป็นของมนุษย์กำลังขยายตัวในยูเครน”
แต่แม้จะปิดร้านชั่วคราว แมคโดนัลด์ก็ยังคงดูแลพนักงานชาวรัสเซียกว่า 62,000 ชีวิตอยู่ โดยจะจ่ายค่าจ้างให้พนักงาน รวมไปถึงมูลนิธิโรนัลด์ แมคโดนัลด์ เฮาส์ ก็ยังคงดำเนินการตามปกติ
การสั่งปิดทุกสาขาของแมคโดนัลด์ แม้ว่าจะปิดชั่วคราว แต่ก็อาจทำให้บริษัทได้รับผลกระทบทางการเงินครั้งใหญ่เลยทีเดียว
เพราะในจำนวน 850 สาขาในรัสเซีย แมคโดนัลด์เป็นเจ้าของเอง 84% ส่วนที่เหลือดำเนินการโดยแฟรนไชส์
และในงบการเงินของบริษัทระบุว่า รายรับ (revenue) จากสาขาในรัสเซียและยูเครนมีมูลค่าราว 2 พันล้านดอลลาร์ต่อปี หรือราว 6.6 หมื่นล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 9% ของรายได้บริษัท
แต่ที่มากไปกว่าเรื่องการเงินและรายได้ของแมคโดนัลด์ การประกาศจุดยืนครั้งนี้ถือเป็นอีกส่วนหนึ่งของสงครามรูปแบบใหม่เลยก็ว่าได้
เพราะถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 30 กว่าปีก่อน ในยุคที่สงครามเย็นสิ้นสุดลง ในปี 1988 แมคโดนัลด์ได้รับอนุญาตจากพรรคคอมมิวนิสต์ให้เริ่มทำธุรกิจในดินแดนสหภาพโซเวียตได้
2 ปีต่อมา แมคโดนัลด์ที่เป็นตัวแทนทุนนิยมอเมริกา ก็บุกประเทศคอมมิวนิสต์อย่างเป็นทางการ
โดยเปิดสาขาแรกในรัสเซียที่ Pushkin Square ในกรุงมอสโก เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 1990 ซึ่งจัดเป็นแมคโดนัลด์สาขาที่ใหญ่ที่สุดในโลกในตอนนั้น
คือมีที่นั่งรวม 900 ที่นั่ง (ในร้าน 700, นอกร้าน 200) มีพนักงานราว 600 คน (ที่ถูกคัดเลือกมาจากผู้สมัครกว่า 35,000 คน)
การเปิดแมคโดนัลด์สาขาแรกในรัสเซียเป็นที่ฮือฮามาก ในวันแรกที่ให้บริการ มีชาวโซเวียตกว่า 5,000 คน มาเข้าคิวต่อแถวนานกว่า 6 ชั่วโมง เพื่อรอซื้ออาหารที่พวกเขาไม่เคยลิ้มลองมาก่อนอย่าง ‘Big Mac’
รวมๆ แล้วในวันนั้น มีชาวโซเวียตเข้าออกร้านแมคโดนัลด์มากกว่า 30,000 คน
และในวันนี้ที่ ‘แมคโดนัลด์’ สัญลักษณ์แห่งซอฟต์คัลเจอร์ระหว่างประเทศ แบรนด์ที่เป็นเหมือนธงชาติอเมริกา ประกาศจุดยืน ‘ต้านรัสเซีย’ ขึ้นมา
จึงเป็นเหมือนภาพสะท้อนว่าสงครามระหว่างอเมริกาและคอมมิวนิสต์ เปิดฉากขึ้นอีกครั้งในยุคใหม่ รูปแบบใหม่นั่นเอง
ซึ่งไม่ใช่แค่แมคโดนัลด์เท่านั้น แต่แบรนด์อเมริกันรายอื่นก็แสดงจุดยืนต่อต้านรัสเซียด้วย
ไม่ว่าจะเป็นรายก่อนหน้าอย่างเจ้าของ KFC ที่ประกาศปิดร้านกว่า 1,000 สาขา และระงับการลงทุนในรัสเซีย ซึ่งยอดขายในรัสเซียคิดเป็นสัดส่วน 2% ของบริษัท
นอกจากนี้ยังมีสตาร์บัคส์ เป๊ปซี่ และโคคา-โคลา ก็พร้อมใจแสดงจุดยืนต้านรัสเซียเช่นกัน โดยประกาศหยุดให้บริการ หยุดขาย หยุดโฆษณาในรัสเซียด้วย
อ้างอิง:










