คำชี้แจง คำพิพากษาของศาลปกครองเชียงใหม่ เกี่ยวกับการใช้หอศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ตามที่ปรากฎข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2564 ว่า “ชนะคดีฟ้องผู้บริหาร” นั้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาของศาลปกครองเชียงใหม่ คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ขอชี้แจง ดังนี้
เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2564 เวลา 10.00 น. ศาลปกครองเชียงใหม่ได้นัดอ่านผลแห่งคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ 382/2564 คดีหมายเลขแดงที่ 288/2564 ระหว่าง นายอภิสิทธิ์ วะลับ ที่ 1 กับพวกรวม 24 คน ผู้ฟ้องคดี กับ ผู้ช่วยคณบดีคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ 1 คณบดีคณะวิจิตรศิลป์ ที่ 2 อธิการบดี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ 3 ผู้ถูกฟ้องคดี กล่าวโดยสรุปดังนี้
1. ประเด็นการขอใช้หอศิลปวัฒนธรรม เห็นว่า แม้ไม่ปรากฏว่าระเบียบหรือประกาศที่เกี่ยวข้องกับการขอใช้ หอศิลปวัฒนธรรมได้กําหนดระยะเวลาในการพิจารณาขอใช้พื้นที่หอศิลปวัฒนธรรมว่าจะต้องพิจารณาคําสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้เข้าใช้พื้นที่ดังกล่าวภายในกี่วัน ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 (ผู้ช่วยคณบดีผู้รับผิดชอบหอศิลปวัฒนธรรม) และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (คณบดีคณะวิจิตรศิลป์) ชอบที่จะพิจารณาคําขอใช้พื้นที่หอศิลปวัฒนธรรม และมีคําสั่งจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตก่อนกําหนดระยะเวลาในการใช้พื้นที่ตามที่ระบุในการขอใช้พื้นที่ของผู้ฟ้องคดี กล่าวคือ เมื่อได้รับคําขอจะต้องพิจารณาคําขอและคําสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาต หากเห็นว่าผู้ฟ้องคดีไม่ส่งเอกสารหรือหลักฐานเพิ่มเติมตามที่แจ้งให้จัดส่ง ก็ชอบที่จะคืนคำขอให้แก่ผู้ฟ้องคดีเป็นหนังสือถึงเหตุแห่งการคืนคําขอให้ทราบด้วยอย่างช้าควรจะก่อนถึงกําหนดระยะเวลาในการใช้พื้นที่ตามที่ระบุในการขอใช้พื้นที่ของผู้ฟ้องคดี โดยเทียบเคียงการพิจารณาอนุญาตของทางราชการตามมาตรา 8 และมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติการอํานวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 ซึ่งมีวัตถุประสงค์ใช้เป็นกฎหมายกลางที่จะกําหนดขั้นตอนและระยะเวลาในการพิจารณาคําขออนุญาตจากทางราชการ อย่างไรก็ดี เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผู้ฟ้องคดีได้เข้าไปจัดนิทรรศการแสดงผลงานที่หอศิลปวัฒนธรรมแล้ว และอาจารย์ผู้สอนได้ตรวจผลงานและให้คะแนนแล้ว ศาลไม่จําต้องกําหนดคําบังคับ ไม่มีผลเป็นการเยียวยาความเดือดร้อนหรือเสียหายของผู้ฟ้องคดีแต่อย่างใด
2. ประเด็นที่ผู้ฟ้องคดีมีคําขอให้เพิกถอนขั้นตอนการพิจารณาใช้หอศิลปวัฒนธรรม เห็นว่า เป็นขั้นตอนการดำเนินการพิจารณาก่อนที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 (คณบดีคณะวิจิตรศิลป์) จะมีคําสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ผู้ฟ้องคดีใช้หอศิลปวัฒนธรรม ซึ่งเป็นเพียงกระบวนการภายในของฝ่ายปกครองที่ยังไม่มีผลกระทบสิทธิของผู้ฟ้องคดี ให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเดือดร้อนเสียหายที่จะมีสิทธินําคดีมาฟ้องต่อศาลได้
3. ประเด็นการฟ้องผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 (อธิการบดี) เห็นว่า เมื่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ได้มอบหมายให้คณะวิจิตรศิลป์ เป็นผู้ดูแลและรับผิดชอบการดําเนินงานของหอศิลปวัฒนธรรมแล้ว ผู้ฟ้องคดีจึงมิได้เป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายหรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายอันเนื่องจากการกระทําหรืองดเว้นการกระทําของผู้ถูกฟ้องคดี ที่ 3 ที่จะมีสิทธิฟ้องผู้ถูกฟ้องคดีที่ 3 ต่อศาล
จึงมีคำสั่งจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบโดยทั่วกัน
คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
5 พฤศจิกายน 2564

ทั้งนี้ คำชี้แจงข้างต้น เป็นจดหมายจากรองศาสตร์จารย์อัศวิณีย์ หวานจริง คณบดีคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ส่งมายังกองบรรณาธิการ workpointTODAY เพื่อขอให้ดำเนินการแก้ไขข้อมูลประเด็นข่าวตามคำพิพากษา กรณีหอศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
โดยแนบเอกสารมาด้วย ดังนี้
1. คำชี้แจง คำพิพากษาของศาลปกครองเชียงใหม่ เกี่ยวกับกรณีการใช้หอศิลปวัฒนธรรม จำนวน 1 ฉบับ
2. คำพิพากษาศาลปกครองเชียงใหม่เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2564 จำนวน 1 ฉบับ










