เข้าสู่ปีที่ 12 รองรับลูกค้ามาแล้ว 550 ล้านคน นับตั้งแต่เปิดให้บริการในปี 2555 ‘เมกาบางนา’ ศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่บางนา-สมุทรปราการก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง
จนในปี 2566 ที่ผ่านมา มีคนเดินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รวมตลอดทั้งปี 53 ล้านคน หรือเดือนละ 4.4 ล้านคน เติบโต 10% จากปีก่อน โดยแบ่งเป็นช่วงวันธรรมดา 1.2 แสนคน วันหยุดสุดสัปดาห์ 2.2 แสนคน
ชวนอ่านอินไซต์ของคนเดินทาง ‘เมกาบางนา’ และการปรับตัวในปีที่ผ่านมาว่า ห้างทำอะไรไปบ้าง และที่สำคัญ คือ ผู้บริหารประเมินสถานการณ์อย่างไร โดยเฉพาะเรื่องความท้าทายในปีนี้ของพื้นที่บางนา-สมุทรปราการที่ดูเหมือนเพื่อนบ้านจะผุดขึ้นมาไม่หยุด
[ อินไซต์ที่น่าสนใจของคนเดินเมกาบางนา ]
คนมาเดิน ‘เมกาบางนา’ มาทำอะไร?
– 81% มารับประทานอาหาร
– 32% มาชอปสินค้าไลฟ์สไตล์
– 23% มาซื้อของตกแต่งล้าน
คนมา ‘เมกาบางนา’ เป็นคนกลุ่มไหน?
– 53% เป็นกลุ่มครอบครัว
– 78% ใช้รถยนต์ส่วนตัวเดินทางมา
สัดส่วน ‘ร้านค้า’ ใน ‘เมกาบางนา’
– พื้นที่เช่าเต็ม 100% รวมกว่า 900 ร้านค้า
– สินค้าแฟชัน 40%
– สินค้าอาหาร 30%
– สินค้าอื่นๆ อาทิ ไอที, ไลฟ์สไตล์ 30%
ปี 2566 มีอะไรใหม่บ้างใน ‘เมกาบางนา’
– มีร้านค้าเปิดใหม่ อาทิ Nike, New Balance, Gentle Women
– มีร้านอาหารเปิดใหม่ อาทิ SUSHI SEKI, Ampersand, Minimelts, TORO FRIES, ถ้วยถัง
– ส่วนต่อขยาย ‘เซ็นทรัล’ และ ‘เซ็นทรัล ฟู้ดฮอลล์’
ต้นปี 2567 ที่ผ่านมา ‘เมกาบางนา’ เป็นยังไงบ้าง?
– เมกา เคาท์ดาวน์ ผู้เข้าร่วม 500,000 คนในวันเดียว
– เมกา คิดส์เวิลด์ ผู้ลงทะเบียน 12,000 คนในวันเดียว
[ เป้าหมายต่อไปของ ‘เมกาบางนา’ ]
‘วรรณวิมล อรดีดลเชษฐ์’ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ศูนย์การค้าเมกาบางนา บอกว่า ปี 2567 เมกาบางนาเตรียมทุ่มงบประมาณทางการตลาด 200 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน) ขยายฐานลูกค้าใหม่ เจาะกลุ่มคอมมูนิตี้ต่างๆ มากขึ้น อาทิ
– กลุ่มคนรุ่นใหม่ (เดิมสัดส่วน 22% ของลูกค้าทั้งหมด)
– กลุ่มคนรักสัตว์ (เดิมมีลูกค้ากลุ่ม 40% ของลูกค้าทั้งหมด)
– กลุ่มผู้สูงวัย (เดิมห้างมีลูกค้ากลุ่มนี้อยู่ในกลุ่มลูกค้าครอบครัวที่มีสัดส่วน 53%)
โดย 3 กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่มีศักยภาพด้วยมีปริมาณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากสถานการณ์ประชากร และเป็นกลุ่มที่มีการใช้จ่ายสูง เนื่องจากภาระน้อย ข้อผูกพันน้อย แต่มีเม็ดเงินใช้จ่ายจำนวนมาก ส่วนกลุ่มคนรักสัตว์เป็นกลุ่มผู้มีกำลังซื้ออยู่แล้ว
วิธีการ คือ จะยกระดับกิจกรรมอีเว้นท์ที่เดิมมีอยู่ 13 อีเว้นท์ต่อปี (แบ่งเป็นซิกเนเจอร์อีเว้นท์ 5 งานและงานอื่นๆ ตามเทศกาลตลอดปี) ให้มีประสบการณ์ที่ดีขึ้นและเข้ากับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น อาทิ เทศกาลตรุษจีนปีนี้จะจัดขึ้นภายใต้งาน Glory of the dragon เชิญศิลปิน ‘ยูน ปัณพัท’ มารังสรรค์มังกร 3D
สำหรับต้นปีนี้ ‘วรรณวิมล’ ยืนยันว่า สถานการณ์ยังค่อนข้างดีและจำนวนการเข้าชมยังคงเป็นบวก โดยเชื่อมั่นว่า เมกาบางนา มีศักยภาพที่จะเติบโตอีกมาก ดูจากจำนวนเพื่อนบ้านที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยสามารถเติบโตใกล้เคียงกับศูนย์การค้าในเมืองและรองรับลูกค้าได้หลากหลาย พร้อมตั้งเป้าเพิ่มจำนวนคนเดินห้างอีก 10% ภายในปีนี้
นอกจากนั้น ยังวางแผนจะพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ให้แข็งแกร่งทุกช่องทางและมีการรุกเปิดแอคเคาท์ TikTok ในปีนี้
สำหรับโปรแกรม CRM ของ เมกาบางนา คือ ‘เมกา สไมล์ รีวอร์ด’ โปรแกรมสะสมคะแนนสำหรับลูกค้า ใช้จ่าย 500 บาท รับ 1 คะแนน ปัจจุบันมีสมาชิก 360,000 คน อัตราการใช้งาน (active user) 35% โดยสมาชิก 1 คน มียอดใช้จ่ายเฉลี่ยถึง 4,500 บาทต่อใบเสร็จ ตั้งเป้าเพิ่มจำนวน 10-15% ภายในปีนี้
ขณะที่เมกา สไมล์ คิดส์ (สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี) โปรแกรมสะสมคะแนนสำหรับลูกค้าที่มีสมาชิกกว่า 12,000 คน นอกจากนั้น ‘เมกา สไมล์ รีวอร์ด’ ยังสามารถโคแคมเปญกับทางเซ็นทรัล โอนแต้มไปยัง The 1 ได้ด้วย










