ในเดือนธันวาคมปีที่แล้วเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย แถลงข่าวเปิดตัวรถยนต์ซาลูนพลังงานไฟฟ้าแบรนด์ EQ ด้วยรถหรู EQS รถยนต์ไฟฟ้า 100% คันแรกของแบรนด์ พร้อมวางแผนประกอบรถยนต์รุ่นนี้ในประเทศไทย
ซึ่งล่าสุดมีความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมว่าบริษัทเตรียมผลิตปีนี้ในปริมาณจำกัดก่อน และจะจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปีนี้
สำหรับคุณสมบัติเบื้องต้นของรถ The new EQS คือสามารถวิ่งได้กว่า 700 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ทางบริษัทบอกด้วยว่า มีผู้ที่แสดงความสนใจ EQS ผ่านช่องทางดิจิทัลมากกว่า 500 ราย ทั้งที่งานมหกรรมยานยนต์และการจัดงานเปิดตัวพิเศษที่เซ็นทรัลเวิลด์

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่น่าแปลกใจ เพราะเมอร์เซเดส-เบนซ์ มีโรงงานแบตเตอรีรถยนต์ไฟฟ้าในไทยมาตั้งแต่ พ.ศ. 2562 แล้ว เป็น 1 ใน 7 โรงงานของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ที่มีอยู่ทั่วโลก
ถือเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของบริษัท ที่ตั้งเป้าจะเป็น Electric Only แทน Electric First กล่าวคือรถใหม่ๆ ที่ผลิตจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด
นอกจากนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังประกาศรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสสี่ 2564 ชี้ว่าความต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในไทยมีมากขึ้น ยอดขายรถยนต์ไฮเอนด์และรถยนต์ไฟฟ้าโตขึ้น 13% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ไทยเองก็เป็นแหล่งผลิตชิ้นส่วนยานยนต์สำคัญของอาเซียน ซึ่งมีรายงานมาก่อนหน้านี้ด้วยว่า Mitsubishi Motors, SAIC Motor และ Great Wall Motor จากจีน และโตโยต้าก็กำลังพิจารณาแผนตั้งโรงงานผลิต EV ในไทย
สำหรับตลาดรถยนต์นั้นมุ่งสู่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยเหตุผลเรื่องสิ่งแวดล้อม การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการใช้รถยนต์เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์ต้องลงทุนในพลังงานไฟฟ้า
ข้อมูลจาก Gartner บริษัทวิจัยและให้คำปรึกษาแก่องค์กรธุรกิจ คาดการณ์ยอดจัดส่งรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าทั่วโลก (แบบใช้พลังงานจากแบตเตอรี่และแบบปลั๊กอิน-ไฮบริด) ในปี 2565 จะเพิ่มขึ้นเป็น 6 ล้านคัน จาก 4 ล้านคันในปี 2564 โดยประเทศจีนและยุโรปตะวันตก จะมียอดจัดส่งยานยนต์พลังงานไฟฟ้าสูงสุดในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยท้าทายรถยนต์ไฟฟ้าอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านและตามพื้นที่สาธารณะต่าง ๆ ที่ยังขาดแคลน การรีไซเคิลแบตเตอรี่ การนำเสนอรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นต่างๆ ที่หลากหลายกว่าเดิม พร้อมยืดระยะการขับให้ได้ระยะไกลขึ้น เป็นต้น
ที่มา : Nikkei Asia, ไทยรัฐ










