Meta เปลี่ยนค่านิยมองค์กรหรือ Core Value ใหม่ในรอบ 15 ปี สะท้อนความเปลี่ยนแปลงทั้งนอกและในบริษัท

Meta เปลี่ยนค่านิยมองค์กรหรือ Core Value ใหม่ในรอบ 15 ปี สะท้อนความเปลี่ยนแปลงทั้งนอกและในบริษัท

Meta หรือ Facebook เดิมเจอความท้าทายมาได้พักใหญ่แล้ว ทั้งประเด็นการถูกจับตามองทางฝั่งกฎหมาย และความท้าทายทางธุรกิจที่โซเชียลมีเดียอาจไม่ใช่อนาคตของ Facebook อีกต่อไป จนต้องรีแบรนด์ใหม่เป็น Meta มุ่งสู่โอกาสใหม่ เมตาเวิร์ส 

หลังจากรีแบรนด์บริษัทแล้ว มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ก็มองว่าสมควรแก่เวลา ที่จะเปลี่ยนค่านิยมองค์กร หรือ Core Value ด้วย หลังจากค่านิยมเดิมเขียนขึ้นย้อนไปตั้งแต่ปี 2007 เป็นการเปลี่ยนแปลงในรอบ 15 ปี

สำหรับบริษัทต่างๆ การมี Core Value ก็เปรียบเสมือน หลักการที่สื่อถึงความคาดหวังให้คนในบริษัทนำไปยึดเหนี่ยว และยังสะท้อนถึงวัฒนธรรมองค์กรแต่ละแห่งด้วย  

ค่านิยมใหม่ของ Meta มี 6 ข้อ คือ 

  • Meta, Metamates, Me เป็นการเล่นคำกับชื่อบริษัท สะท้อนถึงการเป็นทีมงาน Meta สร้างความรู้สึกการเป็นทีมเดียวกัน 
  • Move Fast คิดแล้ว ทำเลย ไม่ต้องรอเวลา สร้างสิ่งใหม่ก่อนใคร และต้องก้าวไปด้วยกัน ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่ง
  • Focus on Long-Term Impact มองผลลัพธ์ระยะยาว มากกว่าชัยชนะสั้นๆ แม้กระบวนการอาจใช้เวลายาวนานหลายปี
  • Build Awesome Things สร้างสิ่งที่ยอดเยี่ยมไม่พอ ต้องสร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้คนด้วย บริษัทได้สร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้คนหลายพันล้านคนแล้ว แต่ในก้าวต่อไป บริษัทจะเน้นไปที่การสร้างแรงบันดาลใจให้คนมากขึ้น
  • Live in the Future สู่อนาคตใหม่ ที่ไม่ถูกจำกัดด้วยสถานที่ เนื่องจากอนาคตของงานคือการกระจายศูนย์ (distributed work) โอกาสไม่ได้ถูกจำกัดด้วยภูมิศาสตร์ 
  • Be Direct and Respect Your Colleagues จริงใจ ตรงไปตรงมา และเคารพเพื่อนร่วมงาน สร้างวัฒนธรรมที่เราสามารถตรงไปตรงมาและพูดคุยกันอย่างจริงจังได้ แต่ในขณะเดียวกัน เราก็ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน

ส่วน Core Value เดิมของ Facebook ที่เขียนขึ้นตั้งแต่ปี 2007 นั้นคือ Be Bold, Be Open, Move fast and break things 

นอกเหนือจาก  Core Value ที่เปลี่ยนแปลง Meta ยังแต่งตั้ง Nick Clegg ขึ้นมาคุมนโยบายทั่วโลก (จากเดิมเป็นรองประธานฝ่ายธุรกิจและการสื่อสารระดับโลก) ซึ่งต้องดีลกับรัฐบาลเป็นหลัก รวมถึงดูนโยบายของบริษัทในภาพรวม 

Meta ยังเปลี่ยนชื่อ News Feed หรือหน้าฟีดบน Facebook เป็น Feed เฉยๆ เพราะเนื้อหาบนฟีดมีหลากหลายมาก ไม่ใช่แค่ข่าวสารอย่างเดียว 

ที่มา : มาร์ก ซักเคอเบิร์ก, Fortune, The Verge 

แท็กที่เกี่ยวข้อง
KanokjunWriterKanokjun
ผู้สื่อข่าวเทคโนโลยี สนใจเรื่องราวบนโลกไอทีที่มาพร้อมโอกาส ความสร้างสรรค์ และปัญหาด้านมืดของเทคโนโลยี

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง