ในยุคที่เกิดปรากฏการณ์ The Great Resignation หรือการลาออกครั้งใหญ่ หลายธุรกิจได้รับผลกระทบ เพราะผู้คนจำนวนมากทั่วโลกเลือกเส้นทางเดินในอาชีพครั้งใหม่
ในมุมของทางเลือกของคนทำงานนั้นน่าสนใจ แต่ถ้าถามว่าใครคือผู้ชนะในยุคแห่งอภิมหาการลาออก คำตอบอยู่ในรายงานผลประกอบการของ Microsoft
ผลงานของ LinkedIn เติบโตแบบพุ่งทะยานอย่างมากในช่วงที่เกิดปรากฏการณ์ The Great Resignation
รู้หรือไม่ว่า แพลตฟอร์มหางานระดับโลกอย่าง LinkedIn มีเจ้าของเป็น Microsoft บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของโลก
ในปี 2016 Microsoft เข้าซื้อกิจการของ LinkedIn ด้วยมูลค่าดีลในขณะนั้นอยู่ที่ 26,000 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยสูงกว่า 850,000 ล้านบาท
เกร็ดที่น่ารู้ทางธุรกิจ คือการเข้าซื้อกิจการ LinkedIn ถือเป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดตลอดกาลของ Microsoft จนกระทั่งเมื่อต้นปีนี้ที่ Microsoft ประกาศเข้าซื้อกิจการ Activision Blizzard บริษัทเกมเจ้าของ Call of Duty และ Candy Crush ด้วยมูลค่า 68,000 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นมูลค่าที่สูงกว่าดีล LinkedIn ถึง 2.5 เท่า
Satya Nadella ซีอีโอของ Microsoft บอกกับนักลงทุนในวันประกาศผลประกอบการว่า เรารับรู้ได้ถึงปรากฏการณ์ที่ผู้คนลาออกจากงานครั้งใหญ่ เพราะสิ่งนี้กระทบต่อคนทำงานจำนวนมาก หลายคนกลับมาคิดใหม่ (rethink) และตั้งคำถามกับการทำงานมากขึ้นเรื่อยๆ
แน่นอนว่า ในยุคที่โลกของการทำงานเปลี่ยนแปลงสูง แพลตฟอร์มหางานอย่าง LinkedIn ก็ได้รับประโยชน์มากขึ้น (และแม้ว่าจะเป็นปีที่ LinkedIn ประกาศถอนตัวออกจากตลาดจีนก็ตาม)
เปิดดูผลประกอบการ พบว่า รายได้รวมของ LinkedIn พุ่งทะยานสู่ 3,500 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นสัดส่วนการเติบโตที่ 37% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า
ถ้าเทียบกับธุรกิจในแผนกต่างๆ ของ Microsoft แล้ว ผลงานของ LinkedIn ในช่วงปีแห่งการลาออกครั้งใหญ่ ก็เรียกได้ว่า LinkedIn เป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีการเติบโตที่แข็งแกร่งที่สุดในบริษัท อัตราการเติบโตแซงหน้าธุรกิจอย่าง Office 365 เสียด้วยซ้ำ
Microsoft บอกว่า เม็ดเงินที่ LinkedIn โกยมาได้นั้น ส่วนใหญ่คือค่าโฆษณาที่บรรดานายจ้างลงประกาศรับสมัครพนักงาน
ส่วนตัวเลขผู้ใช้งานที่ลงประกาศจ้างงานบนแพลตฟอร์ม พุ่งสูงขึ้นมากกว่า 110% รวมถึงมีการจัดงานอีเว้นท์บนแพลตฟอร์มไม่ต่ำกว่า 20,000 ครั้งในไตรมาสที่ผ่านมา
ปัจจุบัน LinkedIn มีผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม 810 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีอยู่ 690 ล้านคน นอกจากนั้น ถ้าดูตัวเลขผู้ใช้งานรายสัปดาห์บน LinkedIn ก็มีมากถึง 49 ล้านคนทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม เมื่อเปิดดูตัวเลขรายงานผลประกอบการล่าสุดของ Microsoft ทั้งบริษัทในไตรมาสสุดท้ายของปี 2021 ก็พบว่า เติบโตในระดับที่ดีมาก
-ยอดขายรวม 51,728 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 20%
-กำไร 18,765 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 21%
-ธุรกิจที่เติบโตมากที่สุดของ Microsoft คือธุรกิจคลาวด์ รายได้เติบโตมากขึ้น 46%
ซีอีโอ Microsoft ได้กล่าวทิ้งท้ายถึงวิสัยทัศน์ในอนาคตไว้อย่างน่าสนใจว่า เมตาเวิร์สจะเป็นคลื่นลูกต่อไปของอินเทอร์เน็ต และโลกอินเทอร์เน็ตในอนาคตจะเป็นโลกที่เปิดกว้าง เปิดโอกาสให้ใครก็สามารถสร้างเมตาเวิร์สของตัวเองขึ้นมาได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่ เป็นคนพัฒนาเกม หรือจะเป็นใครก็แล้วแต่










