ตลาดมาสก์หน้าไทย 6 พันล้าน MizuMi ขยายฐานลูกค้าเพิ่ม ดึง ‘พีพี-กฤษฏ์’ นั่งพรีเซ็นเตอร์

ตลาดมาสก์หน้าไทย 6 พันล้าน MizuMi ขยายฐานลูกค้าเพิ่ม ดึง ‘พีพี-กฤษฏ์’ นั่งพรีเซ็นเตอร์

ตลาดสกินแคร์ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า ที่ยังครองสัดส่วนใหญ่ที่สุดของตลาดความงาม หากเจาะลึกลงไปใน “การมาสก์หน้า” ก็ยังคงเป็นหนึ่งในขั้นตอนการบำรุงผิวที่ผู้บริโภคไทยนิยมมากที่สุด

ข้อมูลจากเว็บไซต์ Fact.MR คาดการณ์ว่า ตลาดชีทมาสก์ทั่วโลกในช่วงปี 2025–2035 จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมูลค่าตลาดมีแนวโน้มขยับจาก 552.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 สู่ 1,308 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2035 หรือเติบโตเฉลี่ยราว 9% ต่อปี (CAGR)

ด้านประเทศไทยเองก็เห็นทิศทางเดียวกัน ข้อมูลจาก Euromonitor ชี้ว่า ตลาด Face Mask ไทยเติบโตต่อเนื่องกว่า 73% ภายใน 5 ปี จากมูลค่า 3,487.6 ล้านบาทในปี 2019 พุ่งสู่กว่า 6,052.9 ล้านบาทในปี 2024

ทั้งหมดนี้สะท้อนชัดว่า การดูแลผิวผ่านการมาสก์หน้าไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่กำลังกลายเป็นพฤติกรรมถาวรของผู้บริโภคยุคใหม่ และยังคงเป็นหนึ่งในหมวดสกินแคร์ที่น่าจับตามองที่สุดทั้งในไทยและต่างประเทศ

ด้าน ​MizuMi (มิซึมิ) แบรนด์สกินแคร์ของคนไทย เดินหน้ารุกตลาดทรีทเมนต์แผ่นบำรุงผิวหน้า (Facial Sheet Treatment) เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ด้วย แผ่นมาสก์บำรุงผิวหน้า (Mask Sheet) และ โทนเนอร์แพด (Toner Pad) ชูจุดเด่นนวัตกรรมความงามตอบโจทย์ทุกสภาพผิว

พร้อมจัดงานเปิดตัว “พีพี – กฤษฏ์ อำนวยเดชกร” เป็นพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ถ่ายทอดภาพลักษณ์ผิวสดใสและดูสุขภาพดี ตอบโจทย์ผู้บริโภครุ่นใหม่

‘วริษฐา สืบพันธ์วงษ์’ CEO and Founder แบรนด์ MizuMi (มิซึมิ) กล่าวว่า “สกินแคร์ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้ายังคงเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด การมาสก์หน้าได้กลายเป็นหนึ่งในขั้นตอนการบำรุงผิวที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ ของผู้บริโภคไทย 

อีกทั้งมาสก์ชีทก็เป็นสินค้าที่ลูกค้า MizuMi (มิซึมิ) เฝ้ารอและสอบถามกันมาตลอด ทางแบรนด์จึงเปิดตัว สินค้าตัวแรกด้วย MizuMi CICAFuse™ Calming Mask แผ่นมาสก์บำรุงผิวหน้าที่มาพร้อมกับนวัตกรรม CICAFuse™ Technology ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ MizuMi และ MizuMi Skin Fit Invisible Pad โทนเนอร์แพดที่บำรุงผิวหน้าได้ดุจการใช้มาสก์ชีทพร้อมทั้งชวนน้องพีพี – กฤษฏ์ มาสร้างกระแสในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ครั้งนี้”

ประกอบกับ MizuMi (มิซึมิ) ยังใช้กลยุทธ์แบบ Bombard Marketing เพื่อสร้างการจดจำผลิตภัณฑ์ในระยะเวลาอันสั้นด้วยการใช้สื่อออนไลน์และออฟไลน์แบบจัดเต็ม อาทิ ป้ายบิลบอร์ดขนาดยักษ์, ป้ายโฆษณาแบบ Digital Screen, โฆษณาในรถไฟฟ้าใต้ดิน, สื่อในร้านค้า รวมถึงสื่ออื่นๆ ครอบคลุมทั่วประเทศ ทำให้ได้พลังจากแฟนคลับที่เจอสื่อโฆษณาช่วยแชร์ต่อในโซเชียล

กลยุทธ์ที่วางไว้ช่วยให้การเปิดตัวสินค้าครั้งนี้ประสบความสำเร็จ มีกระแสตอบรับล้นหลามจากทั้งแฟนคลับ และผู้ใช้งานจริง ที่สำคัญน่าจะสร้างแบรนด์ดิงที่แข็งแรงขึ้นในใจผู้บริโภค

AyosiriWriterAyosiri
เป็นนักข่าวการเงิน สนใจเรื่องการลงทุนและการตลาด ประวัติศาสตร์ อยากสื่อสารให้เรื่องเป็นเงินสำหรับทุกคน

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง