แพทย์จุฬาฯ เตือน ‘ฝีดาษลิง’ ยากที่จะควบคุมหรือกำจัดให้หมดไป ด้านนายกฯ กำชับสาธารณสุขเตรียมแผนรับมือ ขณะที่ภูเก็ตยืนยันไม่ผู้ติดเชื้อจากชายไนจีเรียเพิ่ม ส่วนกลุ่มเสี่ยงสูง 19 ราย ผลตรวจเป็นลบ 12 ราย รอผลอีก 7 ราย

ความคืบหน้าการผลสอบสวนโรคฝีดาษลิง ผู้สัมผัสเสี่ยงชายไนจีเรียป่วยติดเชื้อเป็นคนแรกของไทย ล่าสุดวันนี้ (25 ก.ค. 2565) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตติดตามผู้สัมผัสและเข้าทำความสะอาด-ฆ่าเชื้อทุกแห่งแล้ว นอกจากยังได้เก็บตัวอย่างกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จำนวน 19 ราย ส่งตรวจ PCR ห้องปฏิบัติการ ผลตรวจเป็นลบ จำนวน 12 ราย และอยู่ระหว่างรอผลตรวจอีก 7 ราย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบรายงาน ไทยยังไม่พบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงเพิ่มเติม ด้วยความห่วงใยนายกรัฐมนตรี สั่งการผ่านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำให้กระทรวงสาธารณสุขและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมทุกด้านและแนวทางรองรับโรคฝีดาษวานรหลังองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศให้โรคฝีดาษลิงเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ (Public Health Emergency of International Concern :PHEIC) ตลอดจนกำชับให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเฝ้าระมัดระวังผู้เดินทางจากประเทศกลุ่มเสี่ยงเป็นพิเศษ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศระดับการเฝ้าระวัง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ระบบสาธารณสุขไทยสามารถ ดูแล และป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 และฝีดาษลิง ย้ำให้ประชาชนทุกคนปฏิบัติตามมาตรการ Universal Prevention อย่างเคร่งครัดต่อเนื่อง เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันการแพร่ระบาดโควิด 19 แล้วยังจะสามารถทำให้ป้องกันโรคฝีดาษวารได้อีกทางหนึ่งด้วย
- โรคฝีดาษลิงยากที่จะควบคุมหรือกำจัดให้หมดไป
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า ฝีดาษลิงเป็นโรคที่องค์การอนามัยโลกประกาศเป็น ภาวะฉุกเฉินฯ ระหว่างประเทศ ในวันที่ 23 กรกฎาคม 2565 ทุกประเทศ ควรจะต้องช่วยกันในการควบคุม ลดการระบาดของโรค
ปัจจุบันจำนวนผู้ป่วยได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 16,000 คน มีรายงานกล่าวถึงการเสียชีวิต 5 ราย แต่ตามรายงานขององค์การอนามัยโลกในวันที่ 22 กรกฎาคม 2565 ไม่มีผู้เสียชีวิต พบผู้ป่วยมากกว่า 70 ประเทศ และจะพบจำนวนเพิ่มมากขึ้นอีกแน่นอน
โรคนี้เป็นโรคที่ไม่รุนแรง มีอัตราการเสียชีวิตน่าจะน้อยกว่า 3 ใน 10,000 โดยเฉพาะพวกกลุ่มเปราะบางเท่านั้น ฝีดาษลิงที่รายงานให้องค์การอนามัยโลกพบในเพศชาย 98% และอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ จำนวนมากเป็นชายรักชาย ตามข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (22 กรกฎาคม 2565) และผู้ป่วยมีการติดเชื้อ HIV ร่วมด้วยเป็นจำนวนมาก (https://worldhealthorg.shinyapps.io/mpx_global/)
โรคฝีดาษลืงติดต่อและแพร่กระจาย โดยการสัมผัสอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกิจกรรมเพศสัมพันธ์ โรคอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับการสัมผัสทางเพศสัมพันธ์ จึงยากที่จะควบคุมหรือกำจัดให้หมดไป กามโรคมีมานับหลายร้อยปี มียารักษาที่ดี ก็ไม่สามารถกำจัดให้หมดไปได้ ในทำนองเดียวกัน ฝีดาษลิงจึงเป็นการยากในการควบคุม และกำจัดให้หมดไป นอกจากฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพได้ครอบคลุมเกือบทั้งหมด ก็ต้องใช้จ่ายเงินอีกจำนวนมาก เราคงต้องอยู่กับโรคนี้อีก
ที่มา https://www.facebook.com/yong.poovorawan










