
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลครบุรี เผยกรณีทิ้งศพผู้เสียชีวิตข้ามคืน เพราะเจ้าหน้าที่เข้าใจผิดห้ามรับศพหลัง 18.00 น. ทั้งที่ไม่มีกฎข้อนี้ รับไม่มีห้องเย็น ปกติต้องส่งร่างต่อไปที่โรงพยาบาลบาลมหาราชนครราชสีมา ต่อจากนี้จะระวังไม่ให้ผิดพลาดอีก ด้านลูกผู้เสียชีวิตย้ำไม่ต้องการเงินชดเชย แต่ถ้าจะให้ขอให้เปลี่ยนเป็นสร้างห้องเย็นไว้แทน

กรณีที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา ปล่อยให้ศพของผู้เข้ารับบริการขึ้นอืดคาห้องเก็บศพ ซึ่งผู้โพสต์ได้โพสต์ลงเฟซบุ๊ก ที่ใช้ชื่อว่า “สิงโต วชิรปกรณ์” พร้อมข้อความน้อยใจกับการให้บริการของโรงพยาบาลที่ไม่ยอมให้นำศพออกจากโรงพยาบาลปล่อยให้ศพพ่อของตนเองเน่าคาโรงพยาบาล

วันที่ 27 พ.ค.นายจิรวัฒน์ ด้วงมะดัน อายุ 20 ปี ชาวบ้านบุหว้า เจ้าของโพสต์ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงสายของวานนี้ (26 พ.ค.)บิดาของตนคือนายชัยชาญ ด้วงมะดัน อายุ 49 ปี เสียชีวิตเนื่องจากโรคประจำตัวซึ่งทางญาติพี่น้องก็ไม่มีใครติดใจในสาเหตุการเสียชีวิต แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุแจ้งว่า ต้องนำศพบิดาของตนไปชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ซึ่งเมื่อนำศพบิดาของตนไปถึงแล้วดำเนินการชันสูตรศพเรียบร้อยแล้ว ทางญาติก็จะขอรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้าน
แต่เนื่องจากขณะนั้นไม่มีญาติทางสายเลือดโดยตรงไปเซ็นยินยอมรับศพกับทางโรงพยาบาล มีเพียงตนคนเดียวที่เป็นลูกชาย และเป็นญาติทางสายเลือดโดยตรง แต่ขณะนั้นตนอยู่ที่อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งอยู่ห่างจากอำเภอครบุรีประมาณ 100 กิโลเมตร ซึ่งกว่าที่ตนจะเดินทางไปถึงโรงพยาบาลก็เป็นเวลาหลัง 18.00 น.แล้ว โดยทางโรงพยาบาลแจ้งว่าหลังเวลา 18.00 น. ไม่อนุญาตให้นำศพออกจากโรงพยาบาล ตนจึงเดินทางกลับบ้าน แล้วเดินทางกลับมารับศพใหม่ในวันนี้ ตนมาเจอสภาพศพของบิดาเป็นอย่างที่โพสต์ลงไปในโลกโซเชียล
ตนเข้าใจกับระเบียบที่ห้ามรับศพกลับหลัง 18.00 น. แต่ไม่เข้าใจทำไมถึงไม่มีการฉีดยาฟอร์มาลีนหรือนำศพบิดาของตนไปเก็บไว้ในห้องเย็น แต่กลับปล่อยให้ศพบิดาของตนเป็นอย่างในสภาพที่เห็นคือมีแมลงวันมาตอมเป็นจำนวนมากเพราะศพเริ่มเน่า ส่วนตัวก็ไม่ได้ต้องการให้เป็นเรื่องเป็นราวมาก แต่อยากให้กรณีนี้เป็นกรณีศึกษา และไม่อยากที่จะให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก

ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังทางโรงพยาบาลที่เกิดเหตุ คือ โรงพยาบาลครบุรี อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ซึ่งนายแพทย์พัฒนา เบ้าสาทร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลครบุรี เปิดเผยว่า ระเบียบของโรงพยาบาลไม่มีกำหนดไว้ว่าห้ามให้ญาตินำศพออกจากโรงพยาบาลหลังจากเวลา 18.00 น. แต่อย่างใด เพราะหากทางญาติสามารถนำหลักฐานต่างๆมาแสดงกับเจ้าหน้าที่อย่างถูกต้องครบถ้วนก็สามารถนำศพออกจากโรงพยาบาลได้ตลอดเวลา เพราะทางโรงพยาบาลเองก็ไม่ได้มีห้องเย็นเก็บศพ ซึ่งหากจำเป็นก็จะต้องส่งศพไปเก็บรักษาไว้ที่โรงพยาบาลบาลมหาราชนครราชสีมา ส่วนใหญ่ก็เป็นกรณีศพไร้ญาติ
ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นคิดว่าน่าจะเป็นเวลานอกราชการและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ก็อาจจะไม่ชัดเจนในระเบียบปฏิบัติหรือแนวทางการอนุญาตให้ญาตินำศพออกจากโรงพยาบาล ซึ่งถือเป็นปัญหาในระบบการให้บริการของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเอง ซึ่งเราก็ต้องมาทบทวนเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ เพื่อที่จะวางแนวทางการปฏิบัติที่ให้เป็นที่เข้าใจและมีความชัดเจน กับทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ทราบในแนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้องต่อไป
ล่าสุด เวลา 20.18 น. นายจิรวัฒน์ ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กเพิ่มเติมว่า ที่โพสต์เรื่องราวดังกล่าว ไม่ได้มีเจตนาจะเรียกร้องอะไรจากทางโรงพยาบาล ไม่อยากได้ค่าชดเชยอะไรจากหน่วยงานใดทั้งสิ้น ต้องการแค่คำตอบในเรื่องนี้ว่าทำไมถึงปล่อยให้พ่อของตนอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้น เราเคารพกฎของโรงพยาบาลแต่โรงพยาบาลไม่ได้ดูแลศพของพ่อเรา หัวอกคนเป็นลูกเจอพ่อในสภาพแบบนั้นตนรับไม่ไหว
ตนแค่อยากเรียกร้องให้สร้างมาตรฐานโรงพยาบาลรัฐให้มีคุณภาพในการรองรับดูแลผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตในทุกกรณี สามารถยืดหยุ่นได้ในกรณีฉุกเฉินด้วยองค์ประกอบต่างๆ ของญาติ ให้ผู้บริหารองค์กรสามารถตัดสินด้วยดุลพินิจในแต่ละกรณี ขอให้เคสของพ่อตนเป็นกรณีศึกษาให้องค์กรตระหนักถึงชีวิตคนทุกฐานะในสังคมให้เท่าเทียมด้วย ถ้าจะชดใช้ขอให้ชดใช้ด้วยการสร้างห้องเย็นไว้ในโรงพยาบาล









