Knight Frank Luxury Investment Index ได้สรุปดัชนีความเคลื่อนไหวของมูลค่าสินทรัพย์ที่เป็นของสะสมกลุ่มสินค้าหรู (Luxury) และสินค้าหายากมีราคาสูงเพื่อการลงทุนระยะยาว หรือสินทรัพย์การลงทุนทางเลือก (Alternative Investment)
จากการรวบรวมดัชนีมูลค่าสินทรัพย์สะสมมีการเติบโตในรอบ 10 ปี ดังนี้
อันดับหนึ่ง วิสกี้หายาก ทำกำไรได้สูงสุดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา 280% รองลงมาคือ ไวน์ ราคาขยับ 146% ตามมาด้วยนาฬิกา 138% ภาพเขียน-งานศิลปะ 105% รถยนต์ 82% กระเป๋าหรู 67% เหรียญหายาก 56% เฟอร์นิเจอร์ของตกแต่งบ้าน 40% จิวเวลรี่ 37% และเพชร 8%
ถ้าขยับมาดูในรอบ 1 ปี หรือ 12 เดือนที่ผ่านมา มูลค่าสินทรัพย์สะสมที่มีราคาปรับตัวขึ้น ตามลำดับ คือ
1.ภาพเขียนและงานศิลปะ (+11%)
2.จิวเวลรี่ (+8%)
3.นาฬิกา (+5%)
4.เหรียญหายาก (+4%)
5.เพชร (+2%)
6.ไวน์ (+1%)
ส่วนสินทรัพย์กลุ่มที่ราคาในรอบ 1 ปี เปลี่ยนแปลงในทิศทางติดลบคือ วิสกี้หายาก (-9%) แต่ก็ยังเป็นอันดับ 1 ของภาพรวมมูลค่าสินค้าสะสมที่มีการเติบโตและทำกำไรสูงสุดในช่วง 10 ปีมานี้
รองลงมาคือ รถยนต์ (-6%) กระเป๋าถือ (-4%) เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน (-2%)
ถ้ามาดูย่อยเข้าไปในแบรนด์รถยนต์หรูว่าแบรนด์ไหนมีราคาเปลี่ยนแปลงอย่างไรในรอบ 12 เดือนมานี้ พบว่า Lamborghini ราคาขยับขึ้น 9% BMW 9% Porsche -5% Mercedes-Benz -10% Ferrari -15%
ฟากแบรนด์นาฬิกาหรู Cartier ปรับขึ้น 12% Rolex 10% Patek-Philippe 7%
ส่วนกลุ่มกระเป๋าหรู Hermes ยืนหนึ่งแบรนด์ที่ถูกนำมาประมูลในราคาสูงมากที่สุดในกลุ่มสินค้าประเภทเดียวกัน










