
วันที่ 26 ธ.ค. ศาลปกครองกลาง นัดฟังคำพิพากษาในคดีที่นายชนน์กฤษฎ์ บุญรามณรงค์ และนายภีรสิทธิ์ จิระวงศ์ไพศาล ยื่นฟ้องผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กรณีออกข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจรในเขต กทม.ว่าด้วยการห้ามรถบางชนิดและล้อเลื่อนลากเข็นเดินบนสะพานข้ามทางร่วมทางแยก สะพานยกระดับ สะพานข้ามแม่น้ำ และในอุโมงค์ลอดทางร่วมทางแยก พ.ศ.2559 และกำหนดห้ามไม่ให้รถจักรยานยนต์ จักรยาน รถยนต์สามล้อ และล้อเลื่อนลากเข็นทุกชนิดเดินบนสะพานข้ามทางร่วมทางแยก จำนวน 39 สะพาน และอุโมงค์ลอดทางร่วมทางแยก จำนวน 5 อุโมงค์
ศาลมีคำพิาพกษายกฟ้องโดยให้เหตุผลว่า ข้อบังคับดังกล่าวเป็นกฎที่ไม่ได้มีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อบุคคลที่ใช้ยานพาหนะดังกล่าวดังนั้นเหตุผลในการออกข้อบังคับที่ว่า เพื่อให้เกิดผลดีต่อการจัดการจราจรโดยรวม ลดอุบัติเหตุบนสะพาน และอุโมงค์ทางร่วมทางแยกจึงรับฟังได้ ส่วนที่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์อ้างว่ เป็นการออกข้อบังคับตามอำเภอใจ เลือกปฏิบัติจึงไม่อาจรับฟังได้

ข้อบังคับดังกล่าวจึงเป็นการกระทำเท่าที่จำเป็นเพื่อประโยชน์แก่สาธารณะโดยรวมและเพื่อรักษาความปลอดภัย ความสะดวกในการจราจร ไม่กระทบกระเทือนสิทธิเสรีภาพในการเดินทางของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ตามที่ มาตรา 29 , มาตรา 34 ของรัฐธรรมนูญ 2550 และมาตรา 4 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557

แฟ้มภาพ
ด้าน นายภีรสิทธิ์ จิระวงศ์ไพศาล ผู้ฟ้องคดีแกนนำกลุ่มปลดแอกชาวสองล้อ ที่รวมกลุ่มกันเรียกร้องให้รถจักรยานยนต์ใช้สะพานและอุโมงค์ได้ ระบุในเพจว่า จะขอยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดต่อไปและยังยืนยันว่าจะใช้สะพานข้ามแยกและอุโมงค์ลอดแยกต่อไป แม้จะต้องเสียค่าปรับเท่าไหร่ก็ตาม

ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือน ก.ย. ทางกลุ่มเคยรวมตัวกันที่หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เพื่อทวงสิทธิ์การใช้สะพานและอุโมงค์ทางลอด เพราะมองว่า พ.ร.บ.จราจร 2522 ไม่มีมาตราใดห้ามจักรยานยนต์ใช้สะพานลอย มีเพียงแต่คำสั่งข้อบังคับของตำรวจนครบาลที่ห้าม ซึ่งทาง ตัวแทนกรุงเทพมหานคร ระบุตอนนั้นว่า หากศาลมีคำสั่งตัดสินให้รถจักรยานยนต์สามารถใช้สะพานข้ามแยกได้ ทาง กทม.ก็จะดำเนินการนำป้ายห้ามรถจักรยานยนต์ขึ้นสะพานข้ามแยกออกไป









