MR.DIY เตรียมลงทุนพันล้าน ชูจุดแข็งสินค้าเฮาส์แบรนด์ นำเข้าจาก ‘จีน’ ในราคาเข้าถึงง่าย

MR.DIY เตรียมลงทุนพันล้าน ชูจุดแข็งสินค้าเฮาส์แบรนด์ นำเข้าจาก ‘จีน’ ในราคาเข้าถึงง่าย

เศรษฐกิจปากท้องตอนนี้ ไปถามใครก็ต้องบอกว่า เซฟเงินในกระเป๋าให้ได้มากที่สุด จะซื้อของอะไรให้คิดให้รอบคอบ เพราะไม่มีใครมั่นใจกับอนาคตข้างหน้าได้มากนัก ตอนนี้ผู้บริโภคจึงให้ความสำคัญในเรื่อง  “ความคุ้มค่า” มากกว่าเดิม เลือกซื้อสินค้าอย่างมีเหตุผลมากขึ้น 

ทำให้เทรนด์การมองหาสินค้าที่ราคาย่อมเยาแต่ใช้งานได้ดี กลายเป็นหนึ่งในจุดตัดสินใจสำคัญ

หนึ่งในธุรกิจที่วางคอนเซ็ปต์เน้นขายของเบ็ดเตล็ดที่ราคาเข้าถึงได้ อย่าง MR.DIY มองประเด็นนี้อย่างไร 

[ ควักเงินต่อบิล 172-175 บาท สินค้าเฮาส์แบรนด์นำเข้าจากจีนเป็นหลัก ]

TODAY Bizview มีโอกาสได้พูดคุยกับ ‘อานุภาพ คงมาลัย’ รองประธานบริหารฝ่ายการตลาด บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เล่าให้ฟังว่า แบรนด์เห็นอินไซด์ผู้บริโภคเริ่มระวังการใช้จ่าย มองหาสินค้าคุณภาพในราคาตระหนักถึงการใช้จ่ายมากขึ้น ประกอบกับลูกค้าไทยเปลี่ยนพฤติกรรมช้อปปิ้งหลังโควิด จากเคยซื้อของในห้างเป็นหลัก ก็เริ่มเลือกซื้อจากร้านค้าปลีกที่เข้าถึงง่ายขึ้น หรือผสมระหว่างออฟไลน์กับออนไลน์ 

MR.DIY มีลูกค้าซื้อสินค้าราคาเฉลี่ยต่อบิลอยู่ที่ราว 172–175 บาท หรือประมาณ 4 ชิ้นต่อการซื้อ 1 ครั้ง และเมื่อเราพยายามเป็นตัวเลือกให้ผู้บริโภคในไทยได้ซื้อสินค้าราคาถูก ก็ถือว่าถ้าเทียบกับร้านอื่นๆ ในราคานี้อาจจะได้จำนวนชิ้นที่น้อยกว่า 

ส่วนของสินค้าที่ MR.DIY สามารถขายได้ราคาถูก ก็เพราะว่ามีต้นทุนที่ถูก นำเข้าสินค้า และมีโลจิติกส์เป็นของตัวเอง มีส่วนกลางของฝั่งจัดซื้อในมาเลเซียสั่งสินค้าแล้วกระจายไปหลายๆ พื้นที่ 

ขณะที่สินค้าเฮาส์แบรนด์ MR.DIY ก็นำเข้ามาจากจีนเป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งยังมีดีลกับสินค้าแบรนด์โลคอลของไทย เข้าไปเติมวางขายในร้านให้เต็มด้วยพันธมิตรกว่า 350 แบรนด์

‘อานุภาพ เล่าว่า MR.DIY ยังเดินหน้าขยายสาขาเรื่อยๆ ให้ครอบคลุมหลายพื้นที่ ตั้งเป้าเปิดเพิ่มอีก 500 สาขา ภายใน 3 ปี นับตั้งแต่ปีนี้จนถึงปีคศ 2027 หรือ พศ 2570 โดยใช้งบลงทุนประมาณปีละ 2,000 ล้านบาทเพราะมั่นใจศักยภาพกำลังซื้อของไทย ที่มีจำนวนประชากรต่อสาขามากกว่าตลาดบ้านเกิดอย่างมาเลเซีย

อย่างไรก็ตาม มีสาขาที่ปิดไปบ้าง โดยเฉพาะในห้างสรรพสินค้าที่มีผลกระทบด้านค่าใช้จ่ายหรือทราฟฟิกลดลง แต่แบรนด์ยังเดินหน้ารุกพื้นที่ชุมชน ตำบล และอำเภอ ผ่านรูปแบบร้านสแตนอโลนและมองว่าการเข้าไปถึงพื้นที่เหล่านั้นไม่ได้สร้างผลกระทบให้กับร้านโลคอล แต่มองว่าเป็นเพื่อนกัน เป็นตัวเลือกให้ผู้บริโภค

นอกจากนี้ ทางแบรนด์ไม่มีระบบสมาชิกเหมือนร้านค้าปลีกอื่นๆ แต่ MR.DIY ระบุว่าเลือกนำงบประมาณด้านการตลาดไปใช้กับกิจกรรมส่งเสริมการขายโดยตรงแทน เช่น โปรโมชันตามเทศกาล หรือสินค้าเครื่องเขียนลดสูงสุด 30% ช่วงเปิดเทอม จัดทำโปรโมชั่นตามซีซั่นในไทย เสิร์ฟคนไทย

ในภาพรวม MR.DIY ยังคงเน้นจุดยืนเรื่อง “ราคาถูกคุ้มเสมอ” ที่ผสมผสานกับการบริหารสต็อกและต้นทุนผ่านระบบซัพพลายเชนภายในบริษัท รวมถึงการใช้ข้อมูลดาต้าเพื่อตัดสินใจเปิดร้านใหม่ในทำเลที่เหมาะสม ซึ่งถือเป็นอีกจุดแข็งของบริษัทในการเติบโตในตลาดค้าปลีกไทย

แท็กที่เกี่ยวข้อง
AyosiriWriterAyosiri
เป็นนักข่าวการเงิน สนใจเรื่องการลงทุนและการตลาด ประวัติศาสตร์ อยากสื่อสารให้เรื่องเป็นเงินสำหรับทุกคน

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง