‘มูจิ’ มองตลาดรีเทลยังเหนื่อย! แฟลกชิปสโตร์ในไทยใหญ่สุดในอาเซียน เป็นยานแม่วัดความนิยม 40 สาขา?

‘มูจิ’ มองตลาดรีเทลยังเหนื่อย! แฟลกชิปสโตร์ในไทยใหญ่สุดในอาเซียน เป็นยานแม่วัดความนิยม 40 สาขา?

ธุรกิจ

มูจิ (MUJI) แฟลกชิปสโตร์ สาขาแรกในประเทศไทย และเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน กลายเป็นกลยุทธ์หลักในการเพิ่ม awareness (การรับรู้) ของคนไทยหลายกลุ่มที่อาจจะยังไม่รู้จักมูจิ หรือ ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วแบรนด์นี้ขายอะไรกันแน่ หลังเปิดตัวครั้งแรกในไทยได้เกือบ 20 ปีแล้ว (ปี 2006 แต่จดทะเบียนอีกครั้งในปี 2012)

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย (KReserch) ประเมินว่าในปี 2025 มูลค่าตลาดรีเทลในไทยน่าจะแตะที่ 4.3 ล้านล้านบาท ขยายตัว 3.0% แต่ยังเป็นการขยายตัวต่ำกว่าเมื่อก่อน ขณะที่ ‘อกิฮิโร่ คาโมการิ’ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) มองคล้ายกันว่า ตลาดรีเทล ‘ไม่ง่ายเลย’

อกิฮิโร่ ให้สัมภาษณ์ว่า “ผมอยู่ไทยมา 10 ปี ตลาดรีเทลในประเทศไทยมีการเติบโตตลอด จากที่ช่วงนั้นมูจิมีสาขาประมาณ 5-6 แห่ง เทียบกับตอนนี้ที่มี 40 สาขา แต่รีเทลไม่เคยง่าย มีปัจจัยหลายด้านเกี่ยวโยงกัน”

สาขาที่ 40 ของมูจิ วางกลยุทธ์เป็นเหมือนยานแม่ใหญ่ที่สุดในการสำรวจตลาดทั้งไทย และอาเซียน เพราะมีขนาดใหญ่ถึง 3,700 ตารางเมตร เป็น flagship store ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ล้มแชมป์เก่าอย่าง MUJI ที่ Plaza Singapura ในสิงคโปร์

[ ปั้นแบรนด์ดิ้งให้ชัด แก้ pain point สาขาต่างจังหวัด ]

แม้ว่าจะเป็นแบรนด์ที่เข้าตลาดไทยมานาน ทั้งในปัจจุบันก็มีสาขาเปิดครบทุกภูมิภาคในไทย แต่ อกิฮิโร่ ยอมรับว่า pain point ที่มูจิเผชิญ โดยเฉพาะกับร้านสาขาที่เปิดนอกกรุงเทพฯ ก็คือ คนต่างจังหวัดยังไม่รู้จักมูจิ หรือน้อยมากๆ ที่จะรู้ว่า มูจิขายอะไรบ้าง ที่สำคัญบางคนอาจจะมีภาพจำว่า ‘สินค้ามูจิราคาแพง’

ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มูจิ เปิดสาขาใหม่ไปกว่า 15 แห่ง และในอนาคตยังยึดแพลนเดิมก็คือ ขยายสาขาเพิ่มอีกประมาณ 10 สาขา โดยจะเป็นร้านขนาด 1,000-1,200 ตารางเมตร ซึ่งปักหมุดเป็นจังหวัดเมืองรองต่อไป

“ปีนี้มูจิขยายสาขาใหม่แค่ 1 แห่ง ก็คือ แฟลกชิปสโตร์ที่เซ็นทรัลเวิล์ด ถ้าไม่นับที่รีโนเวทครั้งใหญ่ที่สาขา เมกา บางนา ซึ่งเราขยายพื้นที่ให้ใหญ่ขึ้น”

“เรื่องของการขยายสาขาตามแผนที่เล่าไปคิดว่ามากพอสมควรแล้ว ดังนั้น จากนี้เราจะมุ่งไปที่การตลาด เร่งการสื่อสาร การสร้าง awareness ให้กลุ่มคนที่ยังไม่รู้จักมูจิ หรือรู้แค่เป็นแบรนด์จากญี่ปุ่น ไม่รู้ว่าเราโดดเด่นอะไร มีสินค้าอะไรบ้าง ซึ่งคาดหวังว่าการที่มูจิมีแฟลกชิปสโตร์ขนาดพื้นที่ 3,700 ตารางเมตรในไทย ก็น่าจะช่วยแก้ pain point เรื่องนี้ได้บ้าง”

สำหรับภูมิภาคในไทยที่สาขามูจิ มียอดขายต่ำที่สุดเมื่อเทียบกันแล้ว ก็คือ ‘อีสาน’ ซึ่งแบรนด์มูจิพยายามเรียนรู้ลูกค้าไทย ศึกษาให้มากขึ้น และสื่อสารให้มากกว่านี้

[ มูจิ แฟลกชิปสโตร์ มีอะไรแตกต่างจากมูจิเดิมบ้าง? ]

  • พื้นที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน 3,700 ตารางเมตร
  • เป็นครั้งแรกที่มีการดีไซน์แบบผสมผสาน กลิ่้นอายความเป็นไทย+ญี่ปุ่น โดยบริษัทคนไทย IA49
  • ชูสินค้าขายดีที่สุดในมูจิ 3 เซกเมนต์ ได้แก่ เสื้อผ้า (เสื้อยืด), สกินแคร์, เครื่องหอม
  • เป็นครั้งแรกที่มี Special Advisors ซึ่งเป็นโมเดลจากร้านมูจิในญี่ปุ่น สำหรับโซนเครื่องหอม และบิวตี้
  • มีสินค้าเพิ่มขึ้น และมีการจัดการระบบสต็อกสินค้าที่ดีขึ้น (เพราะเคยมีปัญหา)
  • ภายในร้านมีสินค้าไทย (ผลิตในไทย) ประมาณ 17% อีก 83% เป็นสินค้ามูจินำเข้าจากญี่ปุ่น ซึ่งเป็นครั้งแรกของโลกที่ใช้โมเดลนี้
  • มูจิ แฟลกชิปสโตร์ จ้างพนักงานถึง 80 คน

[ ในความโชคร้าย ปีหน้าอาจมีเรื่องโชคดีบ้าง ]

ยุคนี้ที่เศรษฐกิจยังซบเซา กำลังใช่จ่ายก็ยังไม่ฟื้นตัว ขณะที่ ยอดใช้จ่ายในมูจิของคนไทย ยังอยู่ที่ 600 บาทต่อคนต่อบิล เหมือนปีที่แล้ว ยังไม่รวมเหตุการณ์ความไม่มั่นคงต่างๆ ที่กำลังเกิดในไทย เช่น สงครามพรมแดน, น้ำท่วม, การเมือง ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม อกิฮิโร่ มองว่า ปีหน้าอาจจะพอเห็นการฟื้นตัวของ ‘ภาคการท่องเที่ยว’ คิดว่าดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งปีนี้มูจิก็ประเมินว่า แบรนด์จะเติบโตอยู่ที่ 10% เพราะยอดขายยังคงเติบโตอยู่บ้าง

แม้ว่าปีหน้า มูจิ ยังขออุ่บไว้ก่อนว่าคาดการณ์ว่าธุรกิจจะเติบโตกี่เปอร์เซ็นต์ แต่มองว่ารีเทลน่าจะค่อยๆ ดีขึ้น บวกกับที่ตอนนี้สาขาในกรุงเทพฯ ซึ่งมีประมาณ 30 แห่ง ต่างจังหวัด 10 แห่ง การเปิดตัวของแฟลกชิปสโตร์น่าจะทำให้ยอดขายกระเตื้องขึ้นแน่ๆ แต่ยังขอไม่บอกตัวเลข

“จากที่เราพยายามสื่อสารมา brand awareness ของมูจิตอนนี้ดีขึ้น ซึ่งร้านแฟลกชิปสโตร์นี้ จะทำให้ภาพจำของความเป็นมูจิชัดเจนขึ้น”

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายหรือสิ่งที่ผู้บริหารมูจิกังวล เขามองว่าเป็นเรื่องของ ‘การดึงดูดลูกค้า’ ก็คือ หลังจากที่เปิดตัวสาขาใหม่ เราต้องทำอย่างไรให้มีสิ่งใหม่เกิดขึ้นตลอดเวลา เพราะพอเปิดสาขาใหม่คนก็จะมา แต่ที่ยากกว่าคือ ทำอย่างไรให้คนยังคงมาอยู่เรื่อยๆ นี่คือโจทย์ยากของธุรกิจรีเทลยุคนี้

Prakaiporn WriterPrakaiporn

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง