กรมทางหลวง เปิดใช้สะพานลอยกลับรถบนถนนพระราม 2 กม. ที่ 34 หน้าโรงพยาบาลวิภาราม หลังดำเนินการซ่อมแซมและบูรณะสะพานแล้วเสร็จ วสท.ยืนยันผลทดสอบความสามารถในการรับน้ำหนักบรรทุกเป็นไปตามมาตรฐานและที่กฎหมายกำหนด
จากกรณีเหตุคานสะพานลอยกลับรถ กม.34 ทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2) ใกล้กับโรงพยาบาลวิภาราม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร หล่นทับรถยนต์จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ เมื่อวันที่ 31 ก.ค. 65 ที่ผ่านมา
ล่าสุดวันนี้นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า กรมทางหลวง โดยศูนย์สร้างและบูรณะสะพานที่ 3 (ปทุมธานี) ได้ดำเนินงานซ่อมแซมและบูรณะโครงสร้างสะพานลอยกลับรถดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค. ที่ผ่านมา และแล้วเสร็จสามารถเปิดให้บริการได้ ตั้งแต่วันนี้ (11 พ.ย. 65) เวลา 06.00 น.
นายสราวุธ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2565 เวลา 22.00 น.เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ได้ลงพื้นที่เพื่อกำกับติดตามการทดสอบความสามารถในการรับน้ำหนักบรรทุกของโครงสร้างสะพานลอยกลับรถ โดยเป็นการนำรถบรรทุกขนาดสิบล้อขึ้นไปจอดและวิ่งบนสะพาน ภายใต้พิกัดน้ำหนักทดสอบตามกฎหมาย (Bridge Load Test) ใช้รถบรรทุกน้ำหนักขนาด 25 ตัน จำนวน 4 คัน วิ่งทดสอบตามรูปแบบที่กำหนด เพื่อประเมินถึงพฤติกรรมของสะพาน ตามคุณสมบัติทางวิศวกรรม
สำหรับการประเมินความสามารถในการรับน้ำหนักบรรทุกของสะพานในสภาวะปัจจุบัน เพื่อความปลอดภัยสูงสุดและสร้างความมั่นใจแก่ผู้ใช้เส้นทาง โดยในระหว่างการทดสอบการรับน้ำหนักโครงสร้างสะพานทุกขั้นตอนนั้นจะอยู่ภายใต้การกำกับ ติดตามและประเมินผลโดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญจาก ทล. ร่วมกับ วสท. และศูนย์บริการวิชาการมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เพื่อยืนยันความแข็งแรงของโครงสร้างสะพานสร้างความมั่นใจและความเชื่อมั่นในการใช้เส้นทางของประชาชน
ขณะที่นายเอนก ศิริพานิชกร ประธานอนุกรรมการโครงสร้างและสะพาน วสท. กล่าวถึงการดำเนินงานซ่อมแซมสะพานดังกล่าวในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาว่า ทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญของ วสท. ได้ติดตามและตรวจสอบทุกขั้นตอนของการฟื้นความมั่นคงแข็งแรงของสะพานลอยกลับรถ ตั้งแต่การรื้อตัวคานสะพานและติดตั้งใหม่ การออกแบบและคำนวณ รวมทั้งการทดสอบการรับน้ำหนักบรรทุกจริงของโครงสร้างสะพานที่มีผลการทดสอบที่ผ่านเกณฑ์ทั้งด้านกำลัง และระยะการเคลื่อนตัวในแนวดิ่ง (Vertical Displacement) โดยมีอัตราส่วนความปลอดภัยตามมาตรฐานวิศวกรรมที่เพียงพอ ทำให้งานบูรณะสะพานกลับรถแห่งนี้ สามารถเปิดให้ประชาชนใช้งานได้อย่างมั่นใจ
ทั้งนี้ วสท. ได้แนะนำให้มีการติดตามสมรรถนะของสะพานอย่างต่อเนื่อง เพื่อยืนยันความสมบูรณ์ด้านเสถียรภาพของสะพานและจะร่วมประสานงานให้คำแนะนำในด้านความปลอดภัยต่อสาธารณะอย่างต่อเนื่อง










