ครม.อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหายในความผิดมูลฐาน พ.ศ…. เปิดช่องร้องขอรับทรัพย์สินคืน-ชดใช้ในคดีฟอกเงิน กรณีไม่มีความผิด

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 31 มกราคม 2566 มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหายในความผิดมูลฐาน พ.ศ. …. ตามที่สำนักงานคณะกรรมการปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เสนอ เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหาย โดยจะกำหนดระยะเวลา หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในกระบวนการคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหาย ที่ได้รับความเสียหายโดยตรงจากการกระทำความผิดมูลฐาน ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินที่มี 21 ลักษณะความผิด
ผู้เสียหายที่ไม่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดจะมีสิทธิได้รับทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดคืนหรือชดใช้คืน รวมถึงได้รับการชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดแก่ชีวิต ร่างกาย จิตใจ เสรีภาพ อนามัย หรือชื่อเสียง
สรุป สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง ดังนี้
1. หลักเกณฑ์วิธีการ เงื่อนไข และระยะเวลาในการยื่นคำร้อง ให้ผู้เสียหายยื่นคำร้องดังกล่าวภายใน 90 วัน นับแต่สำนักงานคณะกรรมการปราบปรามการฟอกเงินประกาศในราชกิจจานุเบกษาและในสื่ออิเล็กทรอนิกส์ของ ปปง. เพื่อแจ้งให้ผู้เสียหายยื่นคำร้องเพื่อขอรับคืน หรือชดใช้คืน หรือชดใช้ค่าเสียหายจากทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด
โดยคำร้องต้องระบุข้อความให้ถูกต้องครบถ้วน พร้อมทั้งแนบหลักฐานที่แสดงถึงการเป็นผู้เสียหายในความผิดมูลฐาน และสามารถยื่นคำร้องด้วยตนเองทางไปรษณีย์ หรือช่องทางอื่นตามที่เลขาธิการ ปปง. ประกาศกำหนด และยังได้กำหนดให้บุคคลอื่นสามารถยื่นคำร้องแทนผู้เสียหายได้ในกรณีดังนี้ คือ ผู้แทนโดยชอบธรรม (กรณีผู้เสียหายเป็นผู้เยาว์) ผู้อนุบาล (กรณีผู้เสียหายเป็นคนไร้ความสามารถ) ทายาท (กรณีผู้เสียหายถึงแก่ความตาย) และบุคคลซึ่งได้รับการแต่งตั้งหรือมอบหมายเป็นหนังสือจากผู้เสียหาย
2. วิธีการพิเศษในการตรวจสอบและรวบรวมข้อเท็จจริง เกี่ยวกับผู้เสียหายในความผิดบางมูลฐาน คือ การค้ามนุษย์และความผิดมูลฐานที่เกิดนอกราชอาณาจักร โดยให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีหนังสือถึง พม. (สำหรับความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ การบังคับใช้แรงงาน หรือบริการ) หรือหน่วยงานของรัฐต่างประเทศที่รายงาน (สำหรับความผิดมูลฐานที่เกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร) เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผู้เสียหาย และความเสียหาย และสถานการณ์ดำเนินคดีตามกฎหมายเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายนั้น
3. การเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการธุรกรรมและพนักงานอัยการ เมื่อได้รับคำร้องถูกต้องครบถ้วนแล้ว ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบและรวบรวมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผู้เสียหายและความเสียหายโดยเร็ว และจัดทำรายงานพร้อมความเห็นต่อเลขาธิการ ปปง. เพื่อให้ความเห็นชอบในการเสนอเรื่องให้คณะกรรมการธุรกรรมพิจารณา และมีมติเห็นชอบให้ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการยื่นคำร้อง
เพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ไปคืนหรือชดใช้คืนแก่ผู้เสียหาย และให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีหนังสือแจ้งมติของคณะกรรมการธุรกรรมและสิทธิในการขอให้ทบทวนมติให้แก่ผู้เสียหาย บุคคลอื่น หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ โดยทางไปรษณีย์ตอบรับหรือไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
4. การจัดการทรัพย์สินเพื่อคืน หรือชดใช้คืน หรือชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหาย เมื่อศาลได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุด ให้นำทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไปคืน หรือชดใช้คืน หรือชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหาย ให้ ปปง.ดำเนินการโดยเร็ว










