นายกฯ อุบลงปาร์ตี้ลิสต์รวมไทยสร้างชาติ บอกอยู่ระหว่างตัดสินใจ รอให้ถึงเวลาก่อน แจงเลือกตั้งที่สำคัญคือการแบ่งเขต ย้ำไม่นำคนต่างประเทศเลือกตั้ง พร้อมกำชับหาเสียงให้ระมัดระวัง อย่าไปพาดพิงใคร

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึง การตัดสินใจสมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) ของพรรครวมไทยสร้างชาติว่า อยู่ระหว่างการตัดสินใจ รอให้ถึงเวลาก่อน ขณะนี้ยังไม่มีอะไรทั้งสิ้น เรื่องในใจก็ถือเป็นเรื่องในใจ จะมาข้างนอกใจได้อย่างไร
เมื่อถามว่าจะทำการเมืองยาวเลยใช่หรือไม่เพราะที่พล.อ.ประยุทธ์จะลงสมัคร ส.ส.จะมีวาระ 4 ปี แต่นายกรัฐมนตรีสามารถดำรงตำแหน่งได้เพียง 2 ปี
พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า ตามกฎหมายทำได้หรือไม่ กฎหมายกำหนดให้เป็นได้กี่ปีก็เท่านั้น อย่าคิดไปเรื่อย คำถามแบบนี้ไม่เกิดประโยชน์ ขอไม่ตอบ เพราะตอบไปก็เท่านั้น
พี่น้อง 2 ป. ยังรักกันดี
เมื่อถามถึงความสัมพันธ์กับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
นายกรัฐมนตรี บอกว่า ไม่มีอะไร ยังพูดคุยกันตามปกติ และมีความเป็นห่วง ขอให้ทุกคนต่างหาเสียงไป แต่ให้ระมัดระวังในภาพรวม และได้สั่งการพรรคที่เป็นสมาชิกไปแล้วว่า อย่าไปยุ่งกับใคร ขณะเดียวกันได้กำชับในเรื่ององค์ประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดยได้กำชับทุกครั้ง ว่าให้เข้าร่วมการประชุม เพื่อพิจารณากฎหมายสำคัญต่างๆ ที่ยังมีอยู่ ส่วนกฎหมายการเมืองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง จะไปจับเขาผูกขาได้หรือไม่ ก็ไม่ได้
ส่วนท่าทีของกลุ่มสามมิตรนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องของกลุ่มสามมิตร จะส่ง ส.ส.ไปสังกัดพรรคเพื่อไทยหรือไม่ก็เป็นเรื่องของเขา เช่นเดียวกับกรณีที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่ยืนยันว่าจะยังอยู่กับพรรคพลังประชารัฐก็ขอให้ไปสอบถามเจ้าตัว
ไม่ตอบจะมี ส.ส.ข้ามห้วย แต่ยืนยันไม่นำคนต่างประเทศมาลงคะแนนเลือกตั้ง
พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิเสธแสดงความคิดเห็นว่าในอนาคตจะมีรัฐบาล หรือ ส.ส.ข้ามขั้วหรือไม่ เพราะว่าทุกอย่างในอนาคตข้างหน้าเป็นเรื่องของการเลือกตั้ง สิ่งสำคัญที่สุดคือ การแบ่งเขตเลือกตั้ง ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนและได้รับการยืนยันว่า จะไม่มีการนำคนต่างประเทศมาลงคะแนนเลือกตั้งด้วยซึ่งเป็นเพียงการเสนอว่า ในแต่ละพื้นที่มีประชากรจำนวนเท่าใด สำคัญที่สุดคือ คนไทยทุกคนต้องเลือกตั้ง และไม่มีที่ไหนที่จะให้คนต่างประเทศมาเลือกตั้งในประเทศไทย
ส่วนกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเข้าไปขอโทษหลังมีลูกพรรคปราศรัยพาดพิงพลเอกประยุทธ์นั้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มีอะไรมาชี้แจงให้ฟัง คงไม่จำเป็นต้องทำความเข้าใจอะไรกัน เพราะเชื่อว่าหัวหน้าพรรคมีความคิดที่ดีอยู่แล้ว
เตือนใช้งบสวัสดิการให้ระวังมากขึ้น เกรงถูกดึงไปใช้จนไม่มีเงินจ่ายรายเดือน
นอกจากนี้พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ได้ทบทวนให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีทราบถึงการทำงานในระยะเวลากว่า 7 ปี มีหลายอย่างที่ได้แก้ไข ปรับปรุง แก้ปัญหาอุปสรรคต่างๆ มีนโยบายใหม่ๆ ออกมาหลายเรื่อง นั่นคือ ผลงานร่วมกันของรัฐบาล โดยทุกกระทรวงร่วมมือกัน
ทั้งนี้ มีความห่วงใยในเรื่องงบสวัสดิการต่างๆ ที่ให้กับประชาชนมากขึ้น และถือเป็นภาระงบประมาณที่มากขึ้น จึงขอให้ระมัดระวังในการเพิ่มงบสวัสดิการต่างๆ ที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน ทั้งข้าราชการ ประชาชน การศึกษา หรือเรื่องนมโรงเรียน ซึ่งทั้งหมดใช้เงินเป็นจำนวนมาก
“บางพรรคเสนอ 8 แสนล้าน พรรคเดียว ผมก็ไม่รู้ว่า เขาจะเอาเงินจากไหนเหมือนกัน ก็ให้ประชาชนรับทราบด้วยแล้วกัน ไม่เช่นนั้น งบประมาณรายจ่ายประจำปี มันลดหมด ถูกดึงไปตรงนี้หมด จะอยู่ได้อย่างไรประเทศไทย ผมไม่เข้าใจ ก็ขอให้ประชาชนพิจารณาด้วยแล้วกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว










