ยึดรถหรู 29 คัน จากทั้งหมด 35 คันที่ถูกโจรกรรมจากอังกฤษขายในไทย

ยึดรถหรู 29 คัน จากทั้งหมด 35 คันที่ถูกโจรกรรมจากอังกฤษขายในไทย

กรมสอบสวนคดีพิเศษยึดรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมจากประเทศอังกฤษเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยรวมยึดแล้ว 29 คัน จากทั้งหมด 35 คัน 

ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้รับคำร้องขอความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา (MLAT) จากหน่วยงานปราบปรามอาชญากรรมแห่งชาติ จากประเทศอังกฤษ (NCA : National Crime Agency) ให้ทำการสืบสวน กรณีขบวนการโจรกรรมรถยนต์ราคาสูงจากประเทศอังกฤษ 35 คัน และนำเข้ามาในประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย ซึ่งมีราคาที่ประเทศอังกฤษ ประมาณ 2,400,000 ปอนด์สเตอร์ลิง เทียบเงินไทยมากกว่า 100 ล้านบาท

พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดย พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน จึงได้เร่งรัดติดตามการสืบสวนสอบสวนในคดีนี้มาโดยตลอด รวมถึงการเร่งรัดการติดตามรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมทั้ง 35 คันดังกล่าว มาเป็นของกลางในคดี เพื่อนำส่งให้กับเจ้าของที่แท้จริงที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งที่ผ่านมา กรมสอบสวนคดีพิเศษสามารถติดตามยึดรถยนต์มาเป็นของกลางได้แล้ว 27 คัน

ต่อมาในวันที่ 15 ก.พ. 2566 พ.ต.ท.อานนท์ อุนทริจันทร์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและคดีว่าด้วยการเล่นแชร์ พ.ต.ท.นิรุติ พัฒนรัฐ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ เลขานุการคณะพนักงานสอบสวน และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้นำหมายค้นจากศาลอาญาเข้าทำการตรวจค้นโชว์รูมรถยนต์แห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร และสามารถตรวจยึดรถยนต์ยี่ห้อ Porsche รุ่น Cayenne จำนวน 1 คัน

วันที่ 20 ก.พ. 2566 ได้นำหมายค้นจากศาลอาญาเข้าทำการตรวจค้นคอนโดมิเนียมใจกลางกรุงเทพมหานคร และสามารถตรวจยึดรถยนต์ยี่ห้อ MINI Cooper ได้อีก 1 คัน ซึ่งทั้งสองคันดังกล่าวเป็นรถยนต์ที่มียี่ห้อ รุ่น หมายเลขตัวรถ และหมายเลขเครื่องยนต์ ตรงตามบัญชีรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมจากประเทศอังกฤษ

ทั้งนี้ ในการตรวจค้นดังกล่าวได้ชี้แจงรายละเอียดและเหตุผลความจำเป็นที่ต้องตรวจยึดรถยนต์ทั้งสองคัน ให้ผู้ครอบครองรถยนต์ทราบ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากผู้ครอบครองรถเป็นอย่างดีและยินยอมให้ตรวจยึดรถยนต์ทั้งสองคัน คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จึงนำมาเก็บรักษาไว้ที่อาคารจอดรถของกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมายต่อไป

จากรถยนต์จำนวน 35 คัน ที่ถูกโจรกรรมจากประเทศอังกฤษ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้สืบสวนติดตามและยึดรถยนต์มาเป็นของกลางในคดีนี้ได้แล้ว 29 คัน ยังคงเหลืออีก 6 คันที่อยู่ระหว่างการสืบสวน โดยจะได้เร่งรัดติดตามมาดำเนินการต่อไป

ทั้งนี้ หากมีพยานหลักฐานว่าผู้ครอบครองรายใด ที่ทราบเหตุแห่งการกระทำความผิดแล้วได้นำรถไปซุกซ่อนหรือทำลาย ก็จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ จะดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดทุกรายต่อไป

TODAYWriterTODAY

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง