ชะตากรรมผู้ปลุกปั้น ‘ชเวก๊กโก’
แหล่งคอลเซ็นเตอร์ใหญ่เมียวดี
ถูกคุกคามหนักในคุกไทย หลังอ้างจีนเคยขอให้เป็นสายลับ
จดหมายจากทนายความผู้สร้าง ‘ชเวก๊กโก’ ถูกส่งไปยังตำรวจสากล อ้างว่าเขากำลังถูกคุกคามอย่างหนัก ขณะถูกจับกุมที่เรือนจำในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่เขาเปิดเผยว่า เป็นสายลับให้กับรัฐบาลจีนมาก่อน
นี่คือความเคลื่อนไหวล่าสุดจากชายที่ปลุกปั้นพื้นที่ที่ปัจจุบันถูกจับตาว่า เป็นหนึ่งในฐานที่มั่นขบวนการหลอกลวงออนไลน์ขนาดใหญ่ ที่ตั้งอยู่ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งเขากำลังสู้คดีเพื่อไม่ให้ทางการไทยส่งตัวกลับไปดำเนินคดีในประเทศจีน
เรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างไร วันนี้สำนักข่าวทูเดย์ไล่เรียงให้ฟัง

เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ที่ผ่านมา สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานความเคลื่อนไหวของนายเสอ จื้อเจียง ประธานกลุ่มหย่าไถ่ (Yatai International Holding Group) ซึ่งเข้าไปพัฒนาพื้นที่ชเวก๊กโก และกำลังถูกควบคุมตัวในเรือนจำที่ประเทศไทย
รายงานของรอยเตอร์ส อ้างจดหมายจากทีมทนายความนายเสอ ที่ส่งไปยังตำรวจสากล เพื่อฟ้องว่า ลูกความของเขาถูกคุกคามอย่างหนักขณะถูกคุมขังที่ประเทศไทย โดยระบุว่าเป็นการปฏิบัติอย่างไร้มนุษยธรรม
จดหมายฉบับนี้ลงวันที่ 9 ม.ค. ที่ผ่านมา ทีมทนายความนายเสอ จื้อเจียงอ้างว่า นายเสอถูกจับขังเดี่ยว ถูกใส่ตรวน และถูกปฏิเสธการรักษาพยาบาลจากอาการเจ็บที่กระดูกสันหลัง นอกจากนี้ยังถูกปฏิเสธไม่ให้พบกับครอบครัว แต่เปิดช่องให้ผู้แทนจากทางการจีนเข้าเยี่ยม ซึ่งเป็นเรื่องที่ลูกความของเขาไม่ต้องการ
จดหมายจากทนายความฉบับนี้ระบุว่า นี่เป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรม ละเมิดหลักการ และทำให้เกิดความกังวลต่อชีวิตของลูกความ
ที่ปรึกษากฎหมาย FTMS Avocats ซึ่งดูแลคดีความให้กับผู้สร้าง ‘ชเวก๊กโก’ ยังอ้างด้วยว่า ทางการไทยปฏิบัติต่อนายเสอเลวร้ายลงอย่างชัดเจน หลังจากที่นายเสอเปิดเผยกับสื่ออัลจาซีราเมื่อปีที่แล้ว โดยอ้างว่า เขาเคยได้รับการติดต่อให้เป็นสายลับให้กับรัฐบาลจีน เพื่อแลกกับการรอดคดีที่มีอยู่ในจีน
ในตอนนั้น เขาเปิดเผยกับอัลจาซีราว่า ทางการจีนติดต่อมาตั้งแต่อยู่ที่ฟิลิปปินส์ และเขาเองก็ยังเคยทำงานกับ ‘อลิซ กัว’ อดีตนายกเทศมนตรี ซึ่งในเวลาต่อมาถูกระบุว่าเป็นสายลับจีนเช่นกัน
นายเสอเปิดเผยกับสื่อว่า เขาได้รับการประสานกับทางการจีน เพื่อสร้าง ‘ชเวก๊กโก’ ให้เป็นเมืองเหมือนอาณานิคมของจีนด้วย แต่ในตอนนั้นเขาปฏิเสธ เพราะเขาอยากทำธุรกิจตามปกติ
โดยหลังจากรายงานของอัลจาซีราเผยแพร่เมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา ทนายความของนายเสอระบุว่า ทางการไทยย้ายลูกความของเขาไปคุมขังในเรือนจำความมั่นคงสูง ที่สร้างไว้สำหรับลงโทษผู้ต้องหาคดีร้ายแรง แถมยังถูกทารุณจนต้องใช้รถเข็น ไม่สามารถยืนหรือเดินได้เอง
นอกจากนี้ เมื่อเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา ยังมีเจ้าหน้าที่สถานทูตจีนเข้าเยี่ยมเขาถึง 2 ครั้ง โดยที่ตัวของนายเสอไม่ยินยอม โดยมีอยู่ครั้งหนึ่ง เจ้าหน้าที่ฝ่ายจีนได้พูดถึงญาติและเพื่อนของนายเสอ จนทำให้เขารู้สึกว่านี่เป็นคำพูดในเชิงคุกคาม
ทีมทนายความของนายเสอให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับรอยเตอร์ส ระบุว่า นี่เป็นการกระทำที่ลุแก่อำนาจชัดเจน พร้อมชี้ว่านี่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยจีน ที่กำลังกัดกร่อนความร่วมมือในกระบวนการยุติธรรมระดับสากล ซึ่งควรนำไปสู่การพิจารณาไม่ส่งผู้ก่อตั้งชเวก๊กโกกลับประเทศจีนในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน
สำนักข่าวรอยเตอร์สไม่สามารถยืนยันว่า เนื้อความที่ทีมทนายความนายเสอกล่าวอ้างเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศจีนตอบคำถามของรอยเตอร์สผ่านแถลงการณ์ระบุว่า นายเสอ จื้อเจียง เป็นพลเมืองจีน และมีหลักฐานชัดเจนถึงการก่ออาชญากรรมหลอกลวงและพนันออนไลน์
สำหรับนายเสอ จื้อเจียงคนนี้ ถูกทางการไทยจับกุมเมื่อเดือน ส.ค. 2022 หรือเมื่อเกือบ 3 ปีก่อน โดยก่อนหน้านี้ เขาเป็นที่รู้จักในฐานะนักธุรกิจ ดำรงตำแหน่งประธานกลุ่มหย่าไถ่ และยังเคยดำรงตำแหน่งรองประธานสันนิบาตนักธุรกิจจีนโพ้นทะเล
รายงานจากสื่อหลายสำนักให้ข้อมูลว่า เขาหนีการจับกุมโดยเจ้าหน้าที่จีนมาตั้งแต่ปี 2012 และเข้าไปทำธุรกิจบ่อนการพนันในกัมพูชา เมียนมาและฟิลิปปินส์ โดยนายเสอยังถือหนังสือเดินทางกัมพูชาด้วย
ส่วนที่เมียนมา เขาเข้ามาพัฒนาพื้นที่ ‘ชเวก๊กโก’ โดยร่วมมือกับ ‘หม่อง ชิตตู่’ ผู้นำกองกำลังกะเหรี่ยงบีจีเอฟ ซึ่งคุมพื้นที่ดังกล่าวติดชายแดนไทย
รายงานระบุว่า กลุ่มหย่าไถ่ของนายเสอ เช่าพื้นที่กับรัฐบาลเมียนมาและกองกำลังบีจีเอฟเป็นเวลา 70 ปี และตั้งงบประมาณลงทุนไว้สูงถึง 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสร้างเมืองและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ก่อนจะถูกใช้เป็นแหล่งก่ออาชญากรรมออนไลน์ในปัจจุบัน
สื่อในจีนแผ่นดินใหญ่เคยเปรียบเปรยถึงขั้นว่า นายเสอไม่ต่างจากราชาแห่งการลวงออนไลน์ของเอเชียแปซิฟิก ผู้อยู่เบื้องหลังธุรกิจหลอกลวงและพนันออนไลน์กว่า 100 บริษัท เชื่อมโยงกับการก่ออาชญากรรมหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การค้ามนุษย์ ลักพาตัว ฉ้อโกง ขู่กรรโชก และอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ในชเวก๊กโก ยังปรากฎความเคลื่อนไหวการจัดงานเพื่อยกย่องนายเสอ จื้อเจียง ในฐานะผู้ก่อตั้งและนำพาความเจริญมายังพื้นที่ โดยเมื่อวันที่ 8 สิงหาคมปีที่แล้ว มีการจัดพิธีใหญ่ นิมนต์พระสงฆ์ และจัดตั้งกำแพงแดงยาว 50 เมตร เพื่อให้ผู้คนมาเขียนอวยพรให้นายเสอกลับมาพัฒนาเมืองในเร็ววัน










