กรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา ได้ทำหนังสือร้องเรียนถวายฎีการวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี, กระทรวงมหาดไทยและคณะกรรมาธิการการศาสนาศิลปะและวัฒนธรรม รวมถึงเคยทำหนังสือร้องเรียนไปนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2565 เจ้าอาวาส ชี้แจงหลักฐานถูกกล่าวหาเนื่องจากมีพระและฆราวาสเสียผลประโยชน์
นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ พร้อมด้วยนายอำเภอปากเกร็ด ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.นนทบุรี รวมถึงไวยาวัจกร วัดชลประทานรังสฤษฏ์ ได้ชี้แจงข้อมูลตามหลักฐาน ระบุว่า หลวงพ่อปัญญานันทมุณี เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฏ์ ถูกกล่าวหาว่ามีการรื้อกุฏิพระในเขตกัมมัฏฐานโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และตัดต้นศรีมหาโพธิ์จากพุทธคยาเจดีย์ ประเทศอินเดีย พร้อมป้ายแสดงรายละเอียดที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่10 สมัยดำรงอิสริยยศเป็นพระบรมโอรสาธิราช ทรงมอบให้ปลูกไว้ที่วัด อันเป็นความผิดข้อหา ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและหมิ่นเบื้องสูง ตามมาตรา 112 และมาตรา 157
จากการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวของทางวัดยืนยันว่าเป็นเรื่องเท็จทั้งหมด เพราะการรื้อกุฏิพระภายในเขตกัมมัฎฐานนั้น เกิดขึ้นเนื่องจากวัดชลประทานรังสฤษฏ์ มีการพัฒนาวัดตามภารกิจคณะสงฆ์ 6 ด้านอย่างต่อเนื่อง บนที่ดิน 59 ไร่เศษ แบ่งเป็น 3 เขต ได้แก่ เขตพุทธานุภาพ เขตธรรมมานุภาพ รวมเนื้อที่ 37 ไร่ แปลงนี้พัฒนาเสร็จเรียบร้อย
ส่วนเขตสังฆานุภาพ หรือเขตกัมมัฏฐาน มีเนื้อที่ 22 ไร่ ที่เป็นปัญหาพบว่าอยู่ในสภาพทรุดโทรมสมควรที่จะพัฒนาให้ดีขึ้น ทางวัดจึงตั้งคณะกรรมการดำเนินงาน พร้อมจัดเรือนรับรองเพื่อให้พระที่อยู่ในเขตกัมมัฏฐานย้ายไปยังสถานที่ทางวัดจัดให้ เป็นการพัฒนาวัดของเจ้าอาวาส ตามหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 37 (1) แต่ปรากฏว่าพระที่อยู่ในเขตกัมมัฏฐาน จำนวน 36 รูป และฆราวาส จำนวน 35 คน ไม่พอใจเพราะเสียผลประโยชน์ โดยเฉพาะการรื้อที่บรรจุอัฐิไปไว้ที่ใหม่ ทำให้พระสงฆ์กลุ่มนี้จะไม่ได้ปัจจัยที่เคยได้จึงรวมตัวออกมาคัดค้าน
ขณะที่เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฏ์ ได้ออกคำสั่งให้พระทั้ง 36 รูป ออกจากเขตสังฆานุภาพ เพื่อย้ายไปจำวัดยังเรือนรับรอง ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันนี้หากไม่ออกจะถือว่าเป็นการขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน ซึ่งมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 368 และหากไม่ออกเจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสกฤษฏ์ จะมีคำสั่งตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 มาตรา 38 (2) โดยให้ออกไปเสียจากวัด
ด้านพระสุจินตนินท พระลูกวัดที่ทำหนังสือร้องเรียนเจ้าอาวาสวัดกับนายศรีสุวรรณ จรรยา กล่าวว่า ประเด็นที่พบยาเสพติดภายในกุฎิ ไม่เป็นความจริง ส่วนประเด็นที่มีสีกามาอาศัยอยู่ด้านล่างกุฎิ รวมกับพระสงฆ์นั้น ก็ไม่เป็นความจริง เป็นเพียงแม่ครัวที่มาทำอาหาร และเป็นแบบไปกลับ ส่วนประเด็นที่ไม่ยอมย้ายออกมาจากกุฎิ และขัดขวางการพัฒนาวัดนั้นก็ไม่ความจริง เพราะที่ผ่านมา เจ้าอาวาสไม่เคยทำหนังสือแจ้งเป็นกิจลักษณะเลย แต่หลังจากมีการตั้งโต๊ะแถลงแบบนี้ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีจะได้ชัดเจน และพร้อมจะทำตามคำสั่งเจ้าอาวาส
