สยามพารากอนเปิด “NEXTOPIA” เมืองต้นแบบโลกอนาคต 15,000 ตร.ม. ทุ่มงบกว่า 850 ล้านบาท

สยามพารากอนเปิด “NEXTOPIA” เมืองต้นแบบโลกอนาคต 15,000 ตร.ม. ทุ่มงบกว่า 850 ล้านบาท

สยามพิวรรธน์เปิดพื้นที่โครงการใหม่ในสยามพารากอน “NEXTOPIA” เมืองต้นแบบโลกอนาคตที่พัฒนาเพื่อทดลองใช้โซลูชันด้านความยั่งยืน (Sustainability Solutions) ในพื้นที่จริง ภายใต้งบลงทุนกว่า 850 ล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่ 15,000 ตารางเมตร บริเวณชั้น 5 และ 5A ของศูนย์การค้า

โครงการนี้เกิดจากความร่วมมือของสยามพิวรรธน์กับพันธมิตรภาคธุรกิจและองค์กรระดับโลกกว่า 50 แห่ง รวมถึงเครือข่ายคอมมูนิตี้ด้านสิ่งแวดล้อมมากกว่า 30 กลุ่ม เพื่อพัฒนาแนวทางลดผลกระทบต่อโลก พร้อมส่งเสริมคุณภาพชีวิตเมืองในอนาคต ซึ่งสยามพารากอนระบุว่าเป็น “ต้นแบบสำหรับความร่วมมือแบบ Co-creation ที่ทุกภาคส่วนสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในพื้นที่เดียวกัน”

ชู 3 องค์ประกอบหลักของโมเดลเมืองต้นแบบ

โครงการถูกออกแบบภายใต้ “NEXTOPIA Model” ที่ประกอบด้วย 3 แกนหลัก คือ

  1. โครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีความยั่งยืน ที่สถาบันการศึกษาและบริษัทชั้นนำร่วมออกแบบ
  2. ชุมชนผู้ขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อมกว่า 30 คอมมูนิตี้
  3. ผู้ประกอบการค้าปลีกที่ให้ความสำคัญด้าน Sustainability, Equality และ Inclusivity รวมกว่า 40 ร้าน และผู้ประกอบการ SMEs มากกว่า 300 ราย

เป้าหมายเพื่อยกระดับเมืองสู่ความเป็นกลางทางสิ่งแวดล้อม

สยามพิวรรธน์ระบุว่า NEXTOPIA เป็นก้าวต่อเนื่องจากนโยบายใช้พลังงานสะอาดขององค์กร โดยสยามพารากอนได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้านครหลวงภายใต้โครงการ Utility Green Tariff (UGT1) ช่วยให้สัดส่วนพลังงานหมุนเวียนในอาคารมากกว่า 30% เป็นรายแรกของกลุ่มศูนย์การค้าในไทย

นอกจากนี้ โครงการยังได้รับ มาตรฐาน Fitwel ระดับ 2 ดาว สำหรับอาคารเชิงพาณิชย์หลายผู้เช่ารายแรกของประเทศ สะท้อนมาตรฐานด้านสุขภาวะและการออกแบบพื้นที่ให้ตอบโจทย์คุณภาพชีวิต พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับนวัตกรรมด้านพลังงาน คุณภาพอากาศ และวัสดุ สำหรับพื้นที่โครงการนำเทคโนโลยีด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมมาใช้จริง เช่น

  • Kinetic Floor เปลี่ยนพลังงานจากการเดินเป็นไฟฟ้า พัฒนาโดย Bangkok Cable และ มจธ.
  • Solar Roof ทำงานร่วมกับ B.Grimm ลดการพึ่งพาพลังงานเดิม
  • Floor Radiant Cooling ลดการใช้พลังงานและลดฝุ่น
  • ระบบเติมอากาศ DAS & DOAS มาตรฐานระดับห้องปลอดเชื้อ โดย Daikin
  • วัสดุก่อสร้างและสี Low VOCs จาก TOA, TPI Polene, Vanachai Group และ Saint-Gobain
  • วัสดุรีไซเคิลในโครงสร้าง เช่น เมทัลชีท BlueScope

พื้นที่ยังมีองค์ประกอบด้านศิลปะและอินทีเรียจากวัสดุเหลือใช้ เช่น The Spiral, The Forest Canopy และ The Ocean Canopy

The Globe ศูนย์ข้อมูลสิ่งแวดล้อมเรียลไทม์และความร่วมมือระดับสากล 

จุดเด่นของโครงการคือ “The Globe” โครงสร้างทรงกลมแสดงข้อมูลสภาพภูมิอากาศแบบเรียลไทม์ ร่วมกับ GISTDA และ NASA รวมถึง Eco Impact Dashboard ที่รายงานปริมาณการใช้พลังงาน น้ำ การจัดการขยะ และไฟฟ้าที่ผลิตจากกิจกรรมผู้มาเยือน

และยังถูกออกแบบให้เป็นพื้นที่ทดลองและเรียนรู้ด้านความยั่งยืนสำหรับทุกคน ภายในมีทั้ง Vertical Farm ที่ร่วมกับ Distar เปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้ลองปลูกผักและนำกลับไปบริโภคได้จริง รวมถึง AR Binoculars ที่ให้ผู้ชมสำรวจนวัตกรรมในพื้นที่แบบเสมือนจริง และระบบ Green Points บน ONESIAM SuperApp ที่จูงใจให้เกิดพฤติกรรมรักษ์โลก นอกจากนี้ยังมี Community Room สำหรับใช้เป็น Co-working Space จัดเวิร์กชอปด้านสิ่งแวดล้อม และนิทรรศการหมุนเวียนตลอดปี เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมกับสังคมในวงกว้าง

ในด้านความร่วมมือระดับสากล สยามพารากอนได้จับมือกับองค์กรชั้นนำทั่วโลกเพื่อร่วมผลักดันประเด็นด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม เช่น UN, UN Global Compact Network Thailand, UN World Food Programme, UNDP BIOFIN, UNICEF, WWF ตลอดจนเครือข่าย NGOs และคอมมูนิตี้ด้านสิ่งแวดล้อมจำนวนมากในประเทศไทย เพื่อให้พื้นที่แห่งนี้เป็นต้นแบบของการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลกอย่างยั่งยืนจริงจังในระยะยาว

แท็กที่เกี่ยวข้อง
TODAY BizviewWriterTODAY Bizview
TODAY Bizview by workpointTODAY
ข่าว สาระ ความรู้ ด้านธุรกิจในประเทศและต่างประเทศที่ออกแบบมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง