หลายคนคงเคยได้ยินชื่อ ‘นินจาแวน’ หนึ่งในผู้เล่นตลาดขนส่งพัสดุที่กำลังขยายการเติบโตในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง แต่อาจจะไม่เคยรู้ว่าจริงๆ แล้ว ‘นินจาแวน’ นั้นเป็นเบอร์ต้นในตลาดขนส่งพัสดุของสิงคโปร์และเป็น ‘ยูนิคอร์น’ ที่กำลังขยายธุรกิจไปทั่วทั้งภูมิภาค รวมถึงตลาดขนส่งพัสดุ ‘ไทย’ ที่ดูเหมือนจะเป็นตลาดที่ ‘ยาก’ ที่สุดตลาดหนึ่ง
TODAY Bizvew ชวนดูย่างก้าวของ ‘นินจาแวน’ ในตลาดขนส่งพัสดุไทย ว่าเกมนี้จะขยับไปในทิศทางไหนและนินจาแวนจะฝ่ากำแพงสู่ Top 3 ธุรกิจขนส่งไทยได้หรือไม่
[ ‘นินจาแวน’ เบอร์หนึ่งแห่งสิงคโปร์ ยูนิคอร์นแห่งภูมิภาค ]
‘นินจาแวน’ ก่อตั้งขึ้นในปี 2014 จากความพยายามของเพื่อนซี้สามคนที่กำลังปลุกปั้นธุรกิจขายเสื้อผ้าออนไลน์แล้วประสบกับปัญหา ‘การจัดส่งสินค้า’ เพราะบริการขนส่งพัสดุในสิงคโปร์ในขณะนั้นไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองกับ ‘การขายออนไลน์’ หรือว่า E-commerce
หลังจากนั้นผู้ก่อตั้งทั้งสามอย่าง Lai Chang Wen, Shaun Chong และ Tan Boxian ก็กำเงินหนึ่งก้อนไปซื้อรถตู้มือสอง หันหลังให้กับอาชีพที่มั่นคงและก้าวเข้าสู่วงการสตาร์ทอัปด้วยการก่อตั้งบริษัทขนส่งพัสดุที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีภายใต้ชื่อ ‘นินจาแวน’
หลังจากนั้นไม่นาน ‘นินจาแวน’ ก็เติบโตอย่างรวดเร็วจนสามารถขยายธุรกิจสู่มาเลเซียและอินโดนีเซียในปี 2015 และในปี 2016 ก็ขยายมาสู่เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และไทย
ปัจจุบัน ‘นินจาแวน’ เป็นผู้เล่นเบอร์ต้นในธุรกิจขนส่งพัสดุของสิงคโปร์
เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจขนส่งพัสดุทุกขนาดที่เติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาค
และหลังจากการระดุมซีรีส์ B ในช่วงปลายปี 2021 ที่สามารถระดมทุนได้เกือบ 20,000 ล้านบาท ‘นินจาแวน’ ก็กลายเป็น ‘ยูนิคอร์น’ อีกตัวของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
แล้วสถานการณ์ของ ‘นินจาแวน’ ในไทยล่ะเป็นอย่างไรบ้าง
[ นินจาแวนในอันดับ 4 กับ ตลาดขนส่งที่เดือดที่สุดในภูมิภาค ]
‘นินจาแวน’ ขยายธุรกิจเข้ามาในประเทศไทยในปี 2016
ทำให้นับแล้วปี 2022 นี้จะเป็นปีที่ 7 ของนินจาแวนในประเทศไทย
ในตลาดธุรกิจขนส่งพัสดุที่ดุเดือดที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
‘เพียซ เอิง’ กรรมการบริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท นินจาแวน ประเทศไทย จำกัด ยอมรับว่า ปัจจัยที่เป็นความแตกต่างในการทำตลาด ‘ไทย’ กับตลาดอื่นๆ ของนินจาแวนในภูมิภาค คือจำนวน ‘คู่แข่ง’ ที่มากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ถ้าเราลองกลับมาส่องตลาดขนส่งพัสดุในบ้าน เราจะพบว่าตลาดขนส่งพัสดุในประเทศนับว่ามีผู้เล่นเป็นจำนวนมาก รวมถึงมีเจ้าตลาดที่แข็งแกร่ง 2 เจ้าที่ครองส่วนแบ่งการตลาดเกินกว่า 80% ของตลาด
ในช่วงปลายปี 2020 รายงานจาก EIC ธนาคารไทยพาณิชย์ระบุว่า มูลค่าตลาดขนส่งพัสดุไทยในปี 2020 มีมูลค่ามากกว่า 66,000 ล้านบาท โดยมีเจ้าตลาดอย่าง ‘ไปรษณีย์ไทย’ ที่ถือครองส่วนแบ่งการตลาดกว่า 41% และ ‘เคอรี่ เอ็กซ์เพรส’ ที่ถือครองส่วนแบ่งการตลาดกว่า 39%
ขณะที่ ‘เพียซ เอิง’ ระบุว่า ปัจจุบัน ‘นินจาแวน’ นั้นเป็น ‘เบอร์ 4’ ในตลาดขนส่งพัสดุไทย โดยมีส่วนแบ่งการตลาดในแง่ปริมาณการขนส่งอยู่ที่ 7-8% ของตลาด
แต่ดูเหมือนว่า ‘นินจาแวน’ จะไม่ได้อยากเป็นเบอร์ 4 ตลอดไป
เพราะ ‘เพียซ’ เผยว่า เป้าหมายของนินจาแวน คือ เติบโต 200% และขยับส่วนแบ่งการตลาดขึ้นไปเป็น 13-15% ให้ได้ภายในระยะเวลา 3-5 ปีหลังจากนี้
[ นินจาแวน กับ ทุกกลยุทธ์ที่งัดมาสู้ศึก ]
ส่วนที่ว่าจะทำยังไงถึงจะขยับส่วนแบ่งการตลาดขึ้นไปได้นั้น เมื่อมาส่องๆ ดูแล้ว เหมือนว่า ‘นินจาแวน’ จะงัดออกมาทุกกลยุทธ์ ตั้งแต่พัฒนาบริการไปจนถึงการตลาดแน่นๆ
⚫️ ผุดจุดรับส่งพัสดุ 2,000 จุด เพิ่มศูนย์กระจายสินค้า 200 แห่ง
เพื่อขยายพื้นที่การให้บริการออกไปให้กว้างขึ้น โดยเฉพาะในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ‘นินจาแวน’ ตัดสินใจทุ่มงบประมาณเพิ่มจุดรับส่งพัสดุที่บริษัทฯ จะเป็นผู้ลงทุนเองกว่า 2,000 จุด ทำให้เมื่อรวมกับจุดรับส่งพัสดุเดิมและจุดรับส่งของพันธมิตรอย่าง SABUY จะทำให้นินจาแวนมีจุดรับส่งพัสดุกว่า 13,000 จุด ซึ่ง ‘เพียซ’ เชื่อว่า “แข่งขันได้ในตลาดปัจจุบัน”
ขณะเดียวกัน นินจาแวนยังลงทุนเพื่อเพิ่มศูนย์กระจายสินค้าอีกกว่า 200 แห่ง และเดินหน้าเพิ่มพนักงานฝ่ายปฏิบัติการ 120% เพื่อเปิดให้บริการครบ 365 วันในพื้นที่ที่ครอบคลุมกว้างขึ้น
⚫️ทุ่ม 100 ล้านทำการตลาดแมส
นอกจากนั้น นินจาแวนยังเตรียมงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท สำหรับ ‘การตลาด’ เต็มรูปแบบ ตั้งแต่การจ้างพรีเซนเตอร์อย่าง ‘วู้ดดี้-วุฒิธร มิลินทจินดา’ มาเป็นแบรนด์พรีเซ็นเตอร์ รวมถึงเตรียมส่งแคมเปญโฆษณาเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ให้กับผู้บริโภค อย่างแคมเปญ ‘มนุษย์ห่วง’ ที่ต้องการจะสื่อสารกับลูกค้าว่า “ส่งสินค้ากับนินจาแวนแล้วหมดห่วงได้แน่ๆ”
โดยแคมเปญดังกล่าวจะถูกสื่อสารออกไปทั่วทุกภาคของประเทศไทย เน้นกลุ่มประชาชนทั่วไปและเอสเอ็มอีเป็นหลัก ผ่านทั้งออนไลน์และออฟไลน์อย่างป้ายบิลบอร์ด เริ่มต้นตั้งแต่ภาคกลาง ภาคตะวันออก และตะวันตก ก่อนขยับไปสู่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ภายในปีนี้
⚫️งัดทุกจุดแข็งออกมาสู้
‘เพียซ เอิง’ กรรมการบริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท นินจาแวน ประเทศไทย จำกัด ระบุว่า จุดแข็ง 4 ข้อที่จะช่วยให้นินจาแวนแข่งขันในตลาดได้ คือ
- ราคาสมเหตุสมผลเริ่มต้นที่ 23 บาท
- คุ้มครองพัสดุสูญหายหรือเสียหายในวงเงินสูงสุด 5,000 บาท
- บริการเก็บเงินปลายทางได้เงินภายใน 1 วัน
- การจัดส่งที่รวดเร็วเป็นอันดับต้นๆ ในตลาด
ผู้บริหารนินจาแวน ยังยืนยันอีกว่า ปีนี้นินจาแวนที่มองเห็นโอกาสจากการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของตลาดอีคอมเมิร์ซไทยที่เติบโตสูงมากในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ตลาดขนส่งพัสดุไทยยังมีพื้นที่ให้เติบโตอีกมากด้วย โดยถ้าหากเทียบกับตลาดอีคอมเมิร์ซในจีนที่คิดเป็นสัดส่วนกว่า 25% ของตลาดค้าปลีกทั้งหมด ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยยังมีสัดส่วนเพียงแค่ 10% ของตลาดค้าปลีกทั้งหมดเท่านั้น
นอกจากนั้น ภาพรวมของตลาดขนส่งพัสดุในประเทศไทยมียอดการจัดส่งพัสดุพุ่งขึ้นถึง 3 เท่า แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะเริ่มลดลง แต่ว่ายอดจัดส่งพัสดุไม่ได้ลดลงและคาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นด้วย
“ปีนี้เป็นปีที่บริษัทฯมีเป้าหมายในการรุกตลาดมากขึ้น เราได้ทุ่มงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท ในการทำการโฆษณาและการจัดกิจกรรมทางการตลาดกับทุกกลุ่มเป้าหมายโดยเน้นหนักที่กลุ่มเอสเอ็มอีซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของเราและได้มีการขยายการให้บริการสู่กลุ่มประชาชนทั่วไปด้วย”
เราจะเห็นได้ว่า ‘นินจาแวน’ เริ่มขยับเกมรุกมากขึ้น ส่วนผลลัพธ์ว่าจะสามารถขยับส่วนแบ่งทางการตลาดและสร้างการเติบโตได้ตามเป้าหมาย หรือสามารถทลายกำแพง Top 3 ก้าวขึ้นจากอันดับ 4 ในตลาดขนส่งพัสดุที่เดือดที่สุดในภูมิภาคได้หรือไม่ คงต้องมาจับตากันต่อไป










