Ninja Van (นินจาแวน) ขนส่งพัสดุเอกชนที่เพิ่งเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนแรกอย่าง ‘วู้ดดี้’ ไปไม่นาน ล่าสุดได้เปิดตัว ‘คลังสินค้าที่ใหญ่ที่สุด’ เพื่อตอบสนองตลาดอีคอมเมิร์ซในไทยที่เติบโตแบบก้าวกระโดด
นับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 ในปี 2563 คนไทยหันไปซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น ทำให้ปริมาณพัสดุสูงขึ้นไปด้วย นินจาแวนจึงเริ่มวางแผนที่จะเปิดศูนย์คัดแยกพัสดุขนาดใหญ่ ติดตั้งสายพานกึ่งอัตโนมัติในช่วงกลางปี 63 เพื่อเพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพของบริการ โดยเริ่มสร้างขึ้นตั้งแต่ต้นปี 64 เป็นต้นมา
ล่าสุด (1 ก.ย. 65) คลังสินค้าแห่งนี้ได้เปิดให้บริการแล้ว ที่ย่านบางเสาธง จ.สมุทรปราการ บนพื้นที่กว่า 20,000 ตร.ม. มีที่จอดรถรับส่งพัสดุ 400 คัน รองรับปริมาณพัสดุได้กว่า 800,000 ชิ้นต่อวัน คัดแยกพัสดุได้กว่า 80,000 ชิ้นต่อชม. และมีสายพานลำเลียงพัสดุ 4 กม. ทำให้จัดส่งได้เร็วขึ้นถึง 4 ชม. โดยไม่ได้มีการเปิดเผยงบการลงทุนดังกล่าวเพื่อเอื้อต่อการดำเนินการภายใน

[ อีคอมเมิร์ซโต โลจิสติกส์ต้องโตตาม ]
มร. เพียซ เอิง กรรมการบริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท นินจาแวน ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ในปี 2563-2564 ตลาดอีคอมเมิร์ซมีอัตราเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) สูงถึง 68% และจะเติบโตต่อเนื่องจนถึงปี 2568 แม้ว่าจะเป็นการเติบโตแบบชะลอตัวก็ตาม บวกกับการเปิดพรมแดนและอัตราเงินเฟ้อ ที่อาจทำให้ตัวเลขการเติบโตช้าลงไปบ้าง
แต่อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ก็จำเป็นต้องปรับขยายขนาด เพื่อรองรับการเติบโต มองการณ์ไกล และวางแผนล่วงหน้า เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการ
โดยเป้าหมายหลักๆ ของนินจาแวน คือ การสร้างความยั่งยืนให้ธุรกิจ และประสบการณ์ที่ดีในการรับส่งพัสดุ ซึ่งจะดำเนินการตาม 3 กลยุทธ์หลักๆ คือ
1) การเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อการทำงาน
– ในทางตรง จะมีการปรับปรุงภายใน พร้อมขยายขนาดบริษัท และจะลดราคาให้ผู้ที่ส่งสินค้าในปริมาณมาก
– ในทางอ้อม เมื่อมีปริมาณความต้องการส่งสินค้ามากขึ้น ก็นำงบประมาณที่ได้มาไปพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ให้กับลูกค้า
2) การส่งพัสดุแบบไม่ยุ่งยาก
– เพิ่มช่องทางการจัดส่งผ่านแอปพลิเคชัน ‘Ninja Van Biz’ ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ภายใต้นโยบาย ‘ส่งก่อนจ่ายทีหลัง’ พร้อมเก็บเงินปลายทางได้ โดยผู้ส่งจะได้รับเงินภายใน 1-2 วันทำการ แล้วยังสามารถตรวจสอบสถานะได้แบบเรียลไทม์
– เปิดแฟรนไชส์ ‘Ninja Points’ และร่วมมือกับ SABUY Group เปิดหน้าร้านให้มีจำนวนครอบคลุมพื้นที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าใช้บริการได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น โดยปัจจุบันมีทั้งหมดกว่า 16,000 สาขาแล้ว
3) การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
– มีโปรแกรมสะสมแต้ม ‘Ninja Rewards’ สำหรับสมาชิกที่จัดส่งพัสดุน้อยกว่า 100 ชิ้นต่อวัน เพื่อแลกรับของรางวัล เช่น ส่วนลด แคชแบ็ค อุปกรณ์จัดส่งพัสดุ และสิทธิประโยชน์อื่นๆ แถมมีกิจกรรมบนโซเชียลมีเดีย เพื่อมัดใจลูกค้าอีกด้วย
[ ไม่ลงเล่นในสงครามราคา ]
มร. เพียซ เอิง ยังบอกอีกว่า ในระยะสั้น แน่นอนว่ามีตัวแปรที่ไม่สามารถควบคุมได้อย่างสงครามราคาระหว่างขนส่งแต่ละเจ้า ที่แม้จะแข่งขันกันอย่างรุนแรง แต่นินจาแวนยืนยันว่า ‘จะไม่ลงไปเล่นด้วย’ เพราะเชื่อว่าในระยะยาว การตัดสินใจของลูกค้าว่าจะใช้บริการหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ระหว่างขนส่งและลูกค้าล้วนๆ
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยด้านราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น แต่ก็จำเป็นจะต้องแบกรับความเสี่ยงนี้ไปก่อน เมื่อสถานการณ์เหล่านี้คลี่คลายลงแล้ว ก็จะมีกำไรในธุรกิจขนส่งนี้ได้ โดยเชื่อว่าตอนนี้ นินจาแวนเป็น 1 ใน 5 อันดับแรกของธุรกิจขนส่งพัสดุด่วนที่ใหญ่ที่สุดในไทย และเป็น 1 ใน 3 อันดับแรกของตลาดเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซีย
ปัจจุบัน นินจาแวน เป็นผู้ให้บริการจัดส่งพัสดุสำหรับธุรกิจทุกขนาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งครอบคลุมทั้งหมด 6 ประเทศ คือ สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม และไทย ในประเทศไทย นินจาแวนมุ่งเน้นที่การให้บริการธุรกิจ SME โดยทำให้การจัดส่งพัสดุเป็นเรื่องง่าย และช่วยเหลือลูกค้าทั้งรายเล็กและรายใหญ่อย่างเท่าเทียมกัน เพื่อตอบสนองความต้องการของธุรกิจ SME ให้ดียิ่งขึ้น ภายใต้สโลแกน “หมดห่วง ทุกเรื่องพัสดุ”










