ทร.ส่งอากาศยานขึ้นสำรวจน้ำมันดิบรั่วกลางทะเลระยอง โปรยสารเคมีสกัดครบน้ำมันไม่ให้เข้าฝั่ง ล่าสุดพบคราบน้ำมันบนผิวน้ำถูกสลายแล้วกว่า 80% ห่างจากชายฝั่ง 20 กม.

วันที่ 26 ม.ค. 2565 จากเหตุการณ์ท่อน้ำมันดิบใต้ทะเลของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด(มหาชน) รั่วทำให้มีน้ำมันดิบไหลออกจากท่อใต้ทะเลของทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเล บริเวณละติจูด 12 องศา 29.3 ลิปดาเหนือ ลองติจูด 101 องศา 11.76 ลิปดาตะวันออก ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด โดยบริษัท แจ้งว่าสามารถควบคุมและหยุดการรั่วไหลได้แล้วเวลา 00.18 น.
ล่าสุด พล.ร.ท.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า กองทัพเรือสั่งการให้ทัพเรือภาคที่ 1 ส่งเครื่องบินลาดตระเวนขึ้นบินสำรวจคราบน้ำมันทางอากาศ และจัด เรือ ต. 273 กับเรือ ต.228 ออกตรวจสอบ คราบน้ำมันบนผิวน้ำ นอกจากนั้นได้จัดเฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำขึ้นบินตรวจสอบทิศทางการรั่วไหลของคราบน้ำมันรวมถึงนำสารเคมี DASIC international SLICKGONE ขึ้นไปโปรยบริเวณพื้นที่เกิดเหตุหน้าท่าเรือมาบตาพุด
โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า กองทัพเรือได้เตรียมกำลังพลและยุทโธปกรณ์พร้อมในการสนับสนุนหน่วยต่างๆ ในการขจัดคราบน้ำมัน พร้อมจัดตั้งศูนย์ควบคุมปฏิบัติในการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน ทัพเรือภาคที่ 1 แล้ว (ศคปน.ทรภ.1) ติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด
ด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว. ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำชับให้บูรณาการร่วมกับกองทัพเรืออย่างใกล้ชิดเพื่อลดผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีแนวปะการังและเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล ค่อนข้างกังวลเพราะคราบน้ำมันมีปริมาณมาก ต้องรีบล้อมคราบน้ำมันไม่ให้เข้าใกล้ชายฝั่ง ซ้ำรอยเหตุคราบน้ำมันรั่วพัดเข้าเกาะเสม็ดเมื่อปี 2556
ขณะที่บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) ขอแก้ไขข้อมูลการรั่วไหลของน้ำมันดิบเป็นจำนวน 128 ตัน (160,000ลิตร) หลังใช้สารเคมีชื่อ dispersant ในกำจัดมวลคราบน้ำมันให้ย่อยสลาย ไปแล้ว 80% คงเหลือคราบน้ำมันอีกประมาณ 21 ตัน และขณะนี้สถานการณ์สามารถควบคุมได้ โดยจะไม่มีการพัดพาเข้าฝั่ง โดยขณะนี้ยังไม่ปรากฏผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง แต่กรม ทช.จะส่งนักวิชาการเพื่อตรวจประเมินผลกระทบทั้งในระยะสั้นและระยะยาวหากมีผลกระทบตกค้างสร้างความเสียหายต่อทรัพยากร ในการดำเนินคดี ตามกฎหมายต่อไป

ล่าสุดสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ใช้ภาพจากดาวเทียม Sentinel-2 ของวันที่ 26 ม.ค. 2565 เวลา 10.40 น. พบคราบน้ำมันลอยเป็นกลุ่มก้อนกลางอ่าวมาบตาพุดคิดเป็นพื้นที่ 11.65 ตารางกิโลเมตร (7,280 ไร่) หรือกว่า 2 เท่าของเกาะเสม็ด
คราบน้ำมันดังกล่าวอยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลของอำเภอเมืองระยองประมาณ 16.5 กิโลเมตร และจากการตรวจสอบทิศทางลม บริเวณอ่าวมาบตาพุด ด้วยแบบจำลอง Global Forecast System หรือ GFS พบว่าระหว่างวันที่ 26-28 มกราคม 2565 ทิศทางลมมีแนวโน้มเคลื่อนที่ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีระดับความเร็วลมเฉลี่ยอยู่ในช่วง 5-15 เมตร/วินาที ลักษณะดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชายฝั่งเมืองระยอง ชายหาดแม่รำพึง และพื้นที่ชายหาดใกล้เคียง
ทั้งนี้ ข้อมูลจากการวิเคราะห์ ทาง GISTDA จะส่งต่อให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้วางแผน ติดตาม ตรวจสอบในพื้นที่ต่อไป










