กรมวิทย์ฯ เผยกำลังเร่งพัฒนาน้ำยาตรวจหาเชื้อโอไมครอนโดยเฉพาะ คาด 2 สัปดาห์เสร็จ ต้องปรับเทคนิคหารตรวจหาเชื้อไปก่อน ยังยืนยัน RT-PCR สามารถตรวจพบโควิดสายพันธุ์ ‘โอไมครอน’ ได้
วันที่ 29 พ.ย. 2564 นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลง สถานการณ์โควิด-19ในประเทศไทย และโควิดสายพันธุ์โอไมครอน ว่า
ระบบการเฝ้าระวังในประเทศที่ผ่านมาทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และเครือข่ายทั่วประเทศมีการตรวจรหัสพันธุกรรมมาโดยตลอด ข้อมูลตั้งแต่ไทยเปิดประเทศ 1 พ.ย. 2564 มีการส่งตัวอย่างนักท่องเที่ยวที่ติดเชื้อโควิดไปแล้ว 75 ตัวอย่าง และตรวจเสร็จเรียบร้อยแล้ว 45 ตัวอย่าง ยังพบเพียงสายพันธุ์เดลตาหรือสายพันธุ์ย่อยเดลตาเท่านั้น
หลังมีข่าวการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอไมครอน วันเสาร์ที่ผ่านมาทางกรมวิทย์ฯ จึงไปนำตัวอย่างของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยในช่วงเวลาใกล้เคียง มาตรวจสอบ ยังไม่พบว่ามีสายพันธุ์โอไมครอนเช่นกัน
จึงยืนยันว่า ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่พบผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอน
นพ.ศุภกิจ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันการตรวจหาเชื้อตรวจโควิดด้วยวิธี RT-PCR และ ATK ที่ได้รับการรับรองจาก อย. ยังสามารถใช้ตรวจโควิด-19 ได้
แต่หากจะมีการตรวจแบบจำแนกสายพันธุ์ ว่าเป็น อัลฟา เบตา เดลตา ต้องมีชุดน้ำยาตรวจของแต่ละสายพันธุ์
ปัจจุบันยังไม่มีชุดน้ำยาตรวจของสายพันธุ์โอไมครอน แต่พบว่าโอไมครอน มีการกลายพันธุ์ในตำแหน่งที่ตรงกันกับ ทั้ง HV69-70deletion ในอัลฟา และ K417N ในเบตา หากมีการตรวจเบื้องต้นแล้วพบว่าบวกตรงกันทั้งคู่ให้สันนิษฐานว่าเป็นสายพันธุ์โอไมครอน โดยได้ประสานศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ ทั้ง 15 ศูนย์ ให้ใช้เทคนิคการตรวจนี้ เพื่อค้นหาแยกเชื้อ ซึ่งการใช้เทคนิคนี้จะช่วยให้การตรวจยืนยันหาสายพันธุ์โอไมครอน มีความรวดเร็ว
ขณะนี้กรมวิทย์ฯ เตรียมพัฒนาน้ำยาตรวจแยกสายพันธุ์โดยเฉพาะ คาดว่าอีกประมาณ 2 สัปดาห์ จึงจะสำเร็จ
นพ.ศุภกิจ กล่าวต่อว่า การระบาดของโควิดสายพันธุ์โอไมครอนยังมีข้อมูลต่างๆ อย่างจำกัด จึงยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าการแพร่ระบาดจะรุนแรงมากกว่าเดลตาหรือไม่ หรือเชื้อไวรัสสามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดีเพียงใด
แต่เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโอไมครอนในประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขได้มี ทบทวนให้นักท่องเที่ยวต้องตรวจ RT-PCR ทุกราย
ส่วนคนไทยขอให้คงมาตรการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด รวมทั้งรักษามาตรการส่วนบุคคลอย่างเข้มข้น










