รมว.ดิจิทัลฯ ย้ำเห็นเหตุการณ์ผิดปกติถ่ายคลิปเป็นหลักฐานได้ แต่อย่านำไปโพสต์โซเชียลเอง ควรส่งให้ตำรวจเพื่อเลี่ยงถูกฟ้อง ผิดกฎหมาย PDPA
วันนี้ (11 มิ.ย. 2565) จากเหตุการณ์พลเมืองดีถ่ายคลิปวิดีโอโพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัวเป็นคลิปหญิงถูกผู้ชายทำร้ายร่างกาย เมื่อเหตุการณ์คลี่คลายพลเมืองดีกลับจะถูกฟ้องร้องเนื่องจากไม่เบลอหน้าผู้ที่ปรากฏในคลิป สร้างความเสียหายให้ครอบครัว

ล่าสุดนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจเเละสังคม(ดีอีเอส) เปิดเผยถึง กรณีที่ประชาชนอาจจะวิตกกังวลเกี่ยวกับการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เกรงว่าจะผิดกฎหมายหรือไม่นั้น พบว่า หนึ่งในข้อกังวล กรณีพบเห็นเหตุการณ์ผิดปกติแล้วถ่ายภาพหรือคลิปเป็นเป็นหลักฐานจะทำได้หรือไม่
“กรณีนี้สามารถทำได้ แต่ต้องไม่นำมาเผยแพร่หรือ โพสต์ด้วยเอง ควรส่งหลักฐานเหล่านั้นไปให้ตำรวจ หรือให้ผู้ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมาย การที่เราเอาภาพที่ไม่เหมาะสม เอาคลิปที่ไม่ถูกต้องเหมาะสมมาโพสต์ หรือมาแชร์เองอาจจะไปละเมิดสิทธิของคนอื่น อาจจะถูกฟ้องร้องดำเนินคดีได้ เพราะเขาเป็นผู้เสียหาย แต่ถ้าเก็บคลิป แล้วนำไปให้เจ้าหน้าที่เพื่อเป็นหลักฐาน เพื่อประโยชน์ในทางรูปคดีอันนี้ทำได้อยู่แล้ว” นายชัยวุฒิ กล่าว
รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจเเละสังคม ย้ำว่ากฎหมาย PDPA มุ่งที่จะคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล คือ ข้อมูลของประชาชนที่เคยให้กับร้านค้า หน่วยงานต่างๆ ซึ่งผู้ประกอบการและหน่วยงานเหล่านั้น ต้องเก็บข้อมูลของประชาชนให้ดี ไม่ให้รั่วไหล ถ้าจะนำไปใช้ประโยชน์ก็ต้องขอความยินยอมจากผู้ที่เป็นเจ้าของข้อมูล และห้ามนำไปใช้ทำให้เจ้าของข้อมูลเกิดความเสียหาย นี่คือหลักการสำคัญของกฎหมาย
เรื่องการโพสต์ การแชร์ การให้ข่าวต่างๆ ไม่ได้เป็นเจตนารมณ์ของกฎหมายนี้ เพียงแต่อาจจะไปผิดกฎหมายอื่น เป็นการละเมิดสิทธิบุคคลมีการฟ้องแพ่ง เรียกร้องค่าเสียหายกันอันนี้อีกเรื่องหนึ่ง อยากให้มองว่าเจตนารมณ์ของ PDPA คุ้มครองข้อมูลของเราที่เก็บไว้ในร้านค้าหรือองค์กรต่างๆ ไม่ให้ไม่ให้รั่วไหล










