อธิบดีกรมควบคุมโรค ยืนยัน เอกสารประชุมคณะกรรมการวิชาการ เรื่องวัคซีนไฟเซอร์ เป็นเอกสารไม่จริง เป็นการเขียนเอาเอง ไม่ได้ทำโดยฝ่ายเลขาฯการประชุม
วันที่ 5 ก.ค. 2564 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวถึง กรณีมีการเผยแพร่เอกสารการประชุมของคณะกรรมการด้านวิชาการ เรื่องการบริหารวัคซีนไฟเซอร์
ว่า เอกสารที่ออกมาไม่ใช่เอกสารฉบับจริงของที่ประชุม โดยวันนั้นเป็นการประชุมวิชาการ มี 3 คณะ คือ คณะกรรมการวิชาการตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ใน พ.ร.บ. ความมั่นคงด้านวัคซีนของสถาบันวัคซีนแห่งชาติ และคณะกรรมการวิจัยและวิชาการด้านบริหารจัดการและศึกษาการให้บริการวัคซีน
ซึ่งคนเข้าร่วมประชุมค่อนข้างมาก มีทั้งร่วมประชุมและออนไลน์ แต่ทั้งหมดเน้นเรื่องวิชาการ เกี่ยวกับวัคซีนต่างๆ รวมทั้งไฟเซอร์ว่าควรต้องฉีดอย่างไรต่อไป โดยกลไกเมื่อคณะชุดนี้ทำเสร็จ ต้องเสนอต่อคณะกรรมการที่ดูแลเรื่องนี้ต่อไปเพราะเป็นเรื่องวิชาการ เมื่อคณะที่เป็นทางการเห็นชอบก็จะเสนอ ศบค. เห็นชอบต่อไป
ส่วนเอกสารการประชุมที่มีการเผยแพร่ออกไปนั้น ไม่เรียกว่าเอกสารหลุด แต่เป็นเอกสารที่ไม่จริง เพราะคนเขียนสรุปไม่ใช่ฝ่ายเลขาของการประชุมนั้นๆ ไม่มีแพตเทิร์นทางการ เป็นเหมือนเขียนอ่านกันเอง ซึ่งเอกสารนี้ไม่จริง ส่วนที่ในการประชุมที่มีการเสนอความคิดเห็นอย่างไร ไม่มีข้อสรุปใดๆทั้งสิ้น หากสังเกตดีๆ เหมือนเอกสารที่เขียนเองอ่านเอง และเอกสารนั้นเหมือนเอาสไลด์การประชุมไปปะติด ยืนยันว่าไม่ใช่เอกสารจริงจากฝ่ายประชุม ทั้งนี้ ไม่ควรเผยแพร่ต่อ เพราะถ้าเผยแพร่ต่อก็จะเป็นเรื่องไม่จริงไปกันใหญ่
นพ.โอภาส กล่าวว่า ปกติการประชุมวิชาการก็จะมีความคิดเห็นหลากหลายคนเข้าร่วมก็แสดงความคิดเห็นได้ แต่ไม่ใช่ข้อสรุป ที่สำคัญต้องดูบริบทว่า เขาพูดอะไร การเอาคำใดคำหนึ่งไปโควทอย่างเดียว ถือว่าไม่เป็นธรรม แต่การประชุมวันนั้นตนก็ไม่ได้เข้าประชุม จึงไม่ทราบว่ามีการพูดอะไร อย่างไร แต่โดยมารยาทก็ไม่ควรพูด แต่ที่แน่ๆ เอกสารนั้นไม่ใช่เอกสารหลุด แต่ไม่จริงเลย
นพ.โอภาส กล่าวว่า สำหรับข้อสรุปของวัคซีนที่ไทยใช้ได้ผ่านการรับรองขององค์การอนามัยโลก และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้ ซึ่งเราเอามาใช้ต้นปีที่ผ่านมา ก็ควบคุมสถานการณ์ที่สมุทรสาคร และลดการติดเชื้อได้ แม้แต่ภูเก็ตก็ลดได้ 80-90% ส่วนเชียงรายก็เช่นกัน พบว่า บุคลากรที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคครบถ้วนก็มีประสิทธิผลป้องกันได้ แต่อย่างไรก็ตาม โควิดมีการกลายพันธุ์ตลอด ภายภาคหน้าจะเป็นอย่างไรก็ต้องติดตามข้อมูล
ส่วนกรณีไฟเซอร์ที่จะได้รับการบริจาค จากสหรัฐอเมริกา 1.5 ล้านโดส ยังไม่มีการสรุปเป็นทางการว่าจะส่งให้ไทย เมื่อไหร่ อย่างไรแต่มีกรอบสั้นๆว่าจะมาเดือนนี้ และยังไม่มีข้อสรุปการบริหารจัดการฉีดให้กลุ่มไหน ก็ต้องติดตามกันก่อน ต้องเอาข้อมูลมาประมวลก่อนและจะมาบริหารจัดการอีกที เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา
ส่วนกรณีที่มีแพทย์กลุ่มหนึ่งขอให้นำวัคซีนไฟเซอร์ฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์เพื่อกระตุ้นเข็มที่ 3 นั้นเป็นความเห็นที่เรารับฟัง ขณะนี้กำลังรวบรวมข้อมูลทั้งหมดว่า ส่วนไหนจะมีความปลอดภัยและเหมาะสมที่สุด ขอให้บุคลากรมั่นใจว่า ทางกระทรวงฯ จะจัดหาสิ่งที่ปลอดภัยทั้งหมดให้
เมื่อถามว่ากรณีการฉีดวัคซีนเชื้อตาย 2 เข็ม แล้วหากกระตุ้นด้วยวัคซีน mRNA จะมีความปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน นพ.โอภาส กล่าวว่า เรื่องวัคซีนเราสนใจเรื่องประสิทธิภาพ และความปลอดภัย ซึ่งประสิทธิภาพวัดได้หลายอย่าง เช่น ผลแล็บในห้องทดลอง แต่ผลแล็บกับความจริงก็แตกต่างกันไป อย่างไรก็ตาม ผลแล็บก็คล้ายๆเฟสสอง แต่หากทดลองประชากรกลุ่มไม่มากถือเป็นเฟสสาม และเมื่อผ่านก็จะนำไปสู่ประชาชนกลุ่มมากขึ้น
แต่ส่วนใหญ่เรามักเอาผลทางแล็บมาอิงกับผลจริง แต่ผลจริงถือเป็นข้อมูลสำคัญ ส่วนความปลอดภัยของวัคซีน อย่างที่ทราบขณะนี้วัคซีนใช้ในภาวะฉุกเฉิน จึงไม่มีใครทราบผลระยะยาว อย่างบางยี่ห้อที่เป็น mRNA มีประสิทธิภาพดีมาก แต่ใช้ไประยะหนึ่งก็พบว่า ในคนหนุ่มมีกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจำนวนหลายพันราย ซึ่งข้อมูลมีการปรับเปลี่ยนรายสัปดาห์ รายวัน จึงต้องเอาข้อมูลมาวิเคราะห์ว่า อันไหนเหมาะกับประเทศไทยมากที่สุด










