เจ้าของฟาร์มหมูถูกโทรศัพท์ขู่ฆ่า หลังออกมาพูดเรื่องโรคระบาดหมู ทำให้หมูตายจำนวนมาก ต้องทิ้งซากหมูให้เน่าอยู่ในโอ่ง
วันที่ 13 ม.ค. 2565 จากกรณีที่เจ้าของฟาร์มหมูแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม ที่เปิดเผยข้อมูลหมูเป็นโรคตาย ไม่มีที่ฝังจนต้องทิ้งซากในโอ่งขนาดใหญ่วางเรียงกัน 9 ใบ ปิดด้วยกระเบื้องหลายชั้น โดนโทรศัพท์ข่มขู่
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ฟาร์มหมูแห่งหนึ่ง พื้นที่อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เจ้าของฟาร์มหมู เล่าให้ฟังถึงผลกระทบจากโรคระบาด ASF ก่อนหน้านี้ประมาณ 2 ปี ฟาร์มหลายแห่งเริ่มมีโรคระบาด หมูตายกันเป็นจำนวนมาก ส่วนฟาร์มของตนเป็นหมูพ่อพันธุ์แม่พันธุ์จากต่างประเทศ ซึ่งแข็งแรงมากกว่าหมูทั่วไป โดยฟาร์มของตนเริ่มมีโรคระบาด และหมูตายประมาณกลางปี 2564 จาก 500 ตัว ปัจจุบันเหลือประมาณ 40 ตัว สูญเงินไปกว่า 30 ล้านบาท
เจ้าของฟาร์ม กล่าวอีกว่ารัฐบาลอนุมัติงบประมาณเพื่อแก้ปัญหาหมูแพงครั้งนี้ เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ หากรัฐบาล กรมปศุสัตว์จะช่วยแก้ปัญหาให้เกษตรกร เพียงหาวัคซีนดีๆมาคนเลี้ยงหมูก็พอใจแล้ว ปัญหาใหญ่ของเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูคือไม่มีวัคซีนที่จะมาฉีดป้องกันโรค กรมปศุสัตว์ต้องดิ้นรนหาวัคซีนมาให้เกษตรกร เหมือนรัฐบาลหาวัคซีนป้องกันโควิดมาให้ประชาชน
เมื่อถามว่า หมูตายด้วยโรคระบาดมาเกือบ 2 ปีแล้วทำไมไม่มีใครพูด เจ้าของฟาร์มหมูฯ เล่าให้ฟังว่า ผู้เลี้ยงพูดไม่ได้เพราะหากพูดไป ปศุสัตว์ก็จะเข้ามาปิดฟาร์มหมู ห้ามเคลื่อนย้ายหมูทั้งหมด หมูที่มีอยู่ก็ขายไม่ได้ ยกตัวอย่าง เลี้ยงหมูไว้ 1,000 ตัว ป่วยตาย 100 ตัว หากพูดไป ปศุสัตว์สั่งปิดฟาร์ม ห้ามเคลื่อนย้ายหมูทั้งหมด เท่ากับต้องปล่อยหมูที่เหลือให้ตายไปด้วย แทนที่จะขายได้บ้าง ก็ขายไม่ได้เลย ซึ่งวิธีการปฏิบัติแบบนี้ ไม่ถูกต้อง วันนี้ต้องพูดความจริงกัน ที่ผ่านมาหมูเกิดโรคระบาดมา 2 ปีแล้ว หากปศุสัตว์ยอมรับความจริง เร่งพัฒนาวัคซีน วันนี้ อาจจะไม่เกิดปัญหาแบบนี้ก็ได้
ขณะที่ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ลูกสาวโทรศัพท์เข้ามาหาพ่อ และบอกว่า ไม่ต้องให้สัมภาษณ์กับนักข่าวแล้ว มีคนโทรมาขู่ฆ่าพ่อ หากเกิดอะไรขึ้นแล้วใครจะช่วยพ่อ
เจ้าของฟาร์ม เล่าว่า หลังจากมีข่าวออกไป มีโทรศัพท์ลึกลับโทรเข้ามาขู่ เมื่อวานโทรมา 3 สาย เมื่อเช้าโทรมาอีก 1 สาย ตนก็บอกว่า มีอะไรให้มาพูดกันที่บ้าน พร้อมจะเปิดประตูต้อนรับเสมอ
