
จากการรายงานของ กรมควบคุมมลพิษ ผ่านเว็บไซต์ http://air4thai.pcd.go.th/ วันที่ 11 ม.ค. 2563 เวลา 07.00 น. สามารถตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 51 สถานี ตรวจวัดค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ได้ 38-103 มคก./ลบ.ม. (ค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม) พบพื้นที่มีปริมาณฝุ่นละอองเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 47 พื้นที่ (พื้นที่สีส้ม) และมีผลกระทบต่อสุขภาพ 4 พื้นที่ (พื้นที่สีแดง)

โดย 10 พื้นที่ ที่พบค่าฝุ่นละออง PM2.5 เยอะที่สุด คือ ริมถนนสามเสน เขตพระนคร วัดค่าได้ 103 มคก./ลบ.ม. , ริมถนนเพชรเกษม เขตภาษีเจริญ วัดค่าได้ 96 มคก./ลบ.ม. , ริมถนนพระราม 3-เจริญกรุง เขตบางคอแหลม, ริมถนนดินแดง เขตดินแดง วัดค่าได้ 92 มคก./ลบ.ม. , ต.ทรงคนอง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ วัดค่าได้ 90 มคก./ลบ.ม. , ริมถนนเจริญนคร เขตคลองสาน วัดค่าได้ 87 มคก./ลบ.ม. , ริมถนนพระราม 3 เขตยานนาวา, แขวงคลองเตย เขตคลองเตย วัดค่าได้ 86 มคก./ลบ.ม. , ริมถนนพระราม 2 เขตบางขุนเทียน วัดค่าได้ 85 มคก./ลบ.ม. , ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร วัดค่าได้ 82 มคก./ลบ.ม. , ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ วัดค่าได้ 81 มคก./ลบ.ม. , ริมถนนซอยนิคมบ้านพักรถไฟธนบุรี 5 เขตบางกอกน้อย วัดค่าได้ 80 มคก./ลบ.ม.

ขณะที่ในพื้นที่ภาคเหนือ มีจำนวนสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศ ใน 9 จังหวัด รวมทั้งหมด 16 สถานี ตรวจวัดค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ได้ 19-82 มคก./ลบ.ม. (ค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม) พบพื้นที่มีปริมาณฝุ่นละอองเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 5 จังหวัด 8 พื้นที่ เป็นพื้นที่สีส้ม โดยพื้นที่ที่มีค่าฝุ่น PM2.5 สูงสุดอยู่ที่ จังหวัดแพร่ วัดค่าได้ 82 มคก./ลบ.ม. , จ.ลำปาง วัดค่าได้ 65 มคก./ลบ.ม. , จ.ลำพูน วัดค่าได้ 63 มคก./ลบ.ม. , จ.พะเยา วัดค่าได้ 56 มคก./ลบ.ม. , จ.ตาก วัดค่าได้ 51 มคก./ลบ.ม.
ทั้งนี้ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว ที่อยู่ในพื้นที่หรือจำเป็นต้องเดินทางไปยังในพื้นที่ที่มีฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน ควรหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรม หรือออกกำลังกายกลางแจ้ง หากจำเป็นต้องออกนอกบ้านเป็นเวลานาน ควรสวมหน้ากากอนามัย เพื่อเป็นการป้องกันฝุ่นละออง รวมถึงป้องกันโรคติดต่อในระบบทางเดินหายใจ ซึ่งเป็นไปตามหลักการป้องกันไว้ก่อน









