
แพทย์ผิวหนังเตือน ! ผู้ที่ฉีดโบท็อกซ์และฟิลเลอร์มาใหม่ ๆ ต้องระมัดระวังฝุ่น PM 2.5 เพราะอาจได้รับผลกระทบ พร้อมแนะนำว่าหากคันอย่าเกา อาจทำให้ใบหน้าเสียรูปทรงได้
วันนี้ (24 ม.ค. 62) พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง ระบุว่า สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ไม่ได้ทำให้ผู้ป่วยโรคผิวหนัง ผื่นแพ้และลมพิษเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปี 2561ที่พบผู้ป่วย 174 คน และในปี 2562 พบผู้ป่วย 152 คน แต่พบว่าฝุ่นละอองขนาดเล็กมีผลต่อการเพิ่มอาการอักเสบได้ โดยเฉพาะกลุ่มที่ฉีดโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ อาจทำให้ได้รับผลกระทบ
เพราะโดยปกติแล้วหลังการฉีดฟิลเลอร์ แพทย์จะแนะนำไม่ให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมที่อาจได้รับความกระทบกระเทือนบริเวณที่ฉีด อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ เช่น ห้ามนวดหน้า ห้ามถูหน้าแรง ๆ ห้ามทำเลเซอร์ เป็นต้น เนื่องจากต้องรอให้สารเติมเต็มมีการเซตตัวให้คงที่ก่อน ในบริเวณจุดที่ฉีด เพราะการไปรบกวนบริเวณนั้น เช่น การเกา อาจจะทำให้การเซตตัวของสารเติมเต็มผิดรูปได้ จึงควรระมัดระวังในประเด็นนี้ให้มาก ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่มีหรือไม่มีฝุ่น PM 2.5 มากหรือน้อย
นอกจากนี้ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง ย้ำเตือนว่า หากมีอาการคัน พยายามอย่าเกา และหากมีอาหารแพ้ควรรีบไปพบแพทย์ทันที สำหรับคนที่ฉีดฟิลเลอร์มาใหม่ ๆ ควรหลีกเลี่ยงฝุ่นอย่างน้อย 2 สัปดาห์ โดยการเลี่ยงอยู่ในพื้นที่ฝุ่นสูง สวมหน้ากากอนามัย และเมื่อกลับถึงบ้านควรรีบอาบน้ำ ล้างหน้า โดยสามารถใช้สบู่ปกติได้ ไม่จำเป็นต้องใช้สบู่ฆ่าเชื้อ
“เพราะฉะนั้น ถ้าจะตอบคำถามว่า ช่วงนี้ซึ่งมีข่าวเรื่องฝุ่น PM2.5 มาก จะฉีกฟิลเลอร์ หรือทำหัตถการทางผิวหนังได้หรือไม่ และควรระวังอะไร ตอบได้เลยค่ะว่า ทำได้ตามปกติ เพียงแต่ให้ระมัดระวัง อย่าเกา ไม่รบกวนผิวหนังจุดที่ทำเท่านั้นค่ะ” พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ กล่าว










