นายกฯ คาด นำรมต.ใหม่ถวายสัตย์ฯ 27 มี.ค.64 ย้อนคนวิจารณ์คุณสมบัติ ‘ตรีนุช’ ต้องให้เกียรติตัวแทนที่ประชาชนเลือกมาเป็นส.ส.ด้วย ขู่ประเมินผลงานทุกกระทรวงเอง ใครทำไม่ดีถูกปรับออก
วันที่ 24 มี.ค. 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ถึงรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ว่า เมื่อวานนี้ (23 มี.ค. 2564) มีการประกาศลงราชกิจจาฯ ไปแล้วก็เป็นไปตามนั้น หลังจากนี้จะมีการนำเข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯ ซึ่งรับทราบขั้นต้นว่าเป็นวันเสาร์ที่ 27 มี.ค. 2564
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ไม่มีประสบการณ์ด้านการศึกษา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การทำงานมีหลายระดับ ซึ่งระดับนโยบายคือตน ยืนยันว่ามีประสบการณ์ด้านการศึกษามาก่อน เพราะเป็นทหาร และอย่าลืมว่า รัฐบาลเป็นผู้กำหนดนโยบายเพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติไปดำเนินการ อีกทั้งมีกรอบยุทธศาสตร์ กรอบปฏิรูปการศึกษา และพ.ร.บ.การศึกษา รวมทั้งแผนงานหลายอย่างที่รัฐมนตรีช่วงที่ผ่านมาได้ดำเนินไปแล้ว ดังนั้น ใครมาเป็นรัฐมนตรีก็ต้องปฏิบัติตามนี้ นายกฯ ให้ความสำคัญเรื่องการศึกษาเป็นพิเศษอยู่แล้ว อย่าบอกนายกฯ ไม่รู้รายละเอียด ตนรู้ แต่นายกฯ ไม่ใช่ผู้ปฏิบัติ เป็นผู้กำหนดนโยบายและติดตาม สั่งการในเชิงปฏิบัติ พร้อมกำหนดเป้าหมายลงไป
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า การศึกษาเรามีค่อนข้างหลากหลาย ทั้งในระบบและนอกระบบ โรงเรียนขนาดเล็กและขนาดใหญ่ จึงต้องดูว่าส่วนไหนมีประสิทธิภาพน้อยต้องทำให้เก่งและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะการใช้จ่ายงบประมาณไปถึงทั้งหมด จึงต้องส่งเสริมโรงเรียนให้มีคุณภาพให้ได้ในทุกภูมิภาค เพราะการกระจายเม็ดเงินจำนวนมากมีผล เรื่องการดูแลอาหารกลางวันอะไรต่างๆ ด้วย ย้ำว่า พ.ร.บ.การศึกษา การปฏิรูป และยุทธศาสตร์ชาติมีอยู่แล้วทุกเรื่อง จะทำนอกเหนือจากนี้ไม่ได้ ยืนยันว่าการทำงานวันนี้ของรัฐบาลไม่ใช่ทำงานการเมือง แต่เป็นการทำงานตามกรอบอำนาจหน้าที่ของฝ่ายบริหาร ซึ่งทุกคนที่เข้ามาเป็น ส.ส.นั้นประชาชนเลือกเข้ามา ต้องเคารพเขาในการมาเป็นคณะรัฐมนตรีด้วย แต่ทั้งหมดจะถูกบริหารโดยนายกฯ ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล อย่างไรก็ตาม เมื่อเช้านี้เห็นมีคนมาพูดในโทรทัศน์ เป็นนักวิชาการ หรือเป็นใครก็แล้วแต่ ตนเคารพในความรู้ของท่าน แต่ในเชิงบริหารต้องเข้าใจว่าบริหารกันอย่างไร ถ้าตามหลักวิชาการทุกคนก็คงรู้ไม่ต่างกันมากในตอนนี้ เพราะสร้างการรับรู้เยอะแยะไปหมด สิ่งที่พูดมาหวังดีทุกคน แต่จะทำได้อย่างไรอยู่ที่ความร่วมมือและความเข้าใจในนโยบายของรัฐ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ใครมา รัฐมนตรีใหม่เข้ามาก็ต้องทำตามนี้ หลักการสำคัญของตนมีหลายอย่างด้วยกัน โดยหลังจากมีพิธีถวายสัตย์ฯ แล้ว ตนจะเรียกเข้ามาพูดคุยก่อนปฏิบัติหน้าที่ อย่างไรก็ตาม ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ว่ารัฐมนตรีคนไหนก็ตามต้องทำตามนี้ ยืนยันว่าตนไม่เคยปล่อยปละละเลย และย้ำเสมอต้องระมัดระวังเรื่องการทุจริตโปร่งใส มีประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณ และบริหารราชการอย่างมีเป้าหมาย ทั้งนี้ ขอร้องให้ช่วยสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลตามนโยบายยุทธศาสตร์ชาติ และแผนปฏิรูป รวมทั้งพ.ร.บ.การศึกษา ถ้าเราขัดแย้งกันมากๆ ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี และก็มีความเคลื่อนไหวอะไรข้างนอกอีก ไม่อยากให้มีเด็กดี เด็กเลว มันต้องให้เด็กเราเป็นคนดี เพราะทุกคนคือกำลังสำคัญของชาติ เขาต้องเรียนรู้วันนี้ว่าอะไรคือความถูกต้อง ความชอบธรรม อะไรคือประชาธิปไตยที่เป็นสากล ดังนั้นจะพูดกันแต่ว่านายกฯ เผด็จการ เผด็จการตรงไหน ตอนนี้ยังไม่มีที่เผด็จการออกไปเลย ตนสั่งในอำนาจของฝ่ายบริหาร
ส่วนเหตุผลของการสลับกระทรวงกันระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคประชาธิปัตย์นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทั้ง 2 กระทรวงมีความสำคัญทั้งในส่วนของกระทรวงคมนาคมและกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งวันนี้ต้องเร่งหารายได้ให้มากขึ้น ดังนั้นต้องการขับเคลื่อนทุกอย่างให้รวดเร็วขึ้น ถือเป็นสิ่งที่ตนคาดหวัง เพราะมีหลายอย่างที่ต้องเร่งรัดดำเนินการในช่วงนี้ด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีไม่ใช่อยู่ไปตลอด แต่มีการปรับอยู่เรื่อยๆ และถึงจะปรับใครไปก็แล้วแต่ ถ้าทำไม่ดีก็ต้องปรับออกและปรับใหม่ ตนต้องประเมินผลงานของรัฐมนตรีทุกกระทรวงเองอยู่แล้ว ซึ่งวันนี้ให้มีการรายงานผลการดำเนินงานทุกช่วง 3 เดือนมาแล้ว รวมทั้งข้าราชการไปจนถึงระดับท้องถิ่น ไม่เช่นนั้นก็ไปด้วยกันไม่ได้










