‘พรรคก้าวไกล’ ขอทวงคืนทรงผมให้ตำรวจ จับตาสัปดาห์หน้ารัฐสภาพิจารณา พ.ร.บ.ตำรวจ ต่อ

‘พรรคก้าวไกล’ ขอทวงคืนทรงผมให้ตำรวจ จับตาสัปดาห์หน้ารัฐสภาพิจารณา พ.ร.บ.ตำรวจ ต่อ

ในประเทศ

วันนี้ (11 มิ.ย. 2565) พ.ต.ต. ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แสดงความเห็นต่อบรรยากาศการพิจารณา พ.ร.บ.ตำรวจ วาระที่ 2 ซึ่งเป็นการพิจารณารายมาตราช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า สามารถพิจารณาไปได้เพียง 14 มาตราจาก 172 มาตรา เท่านั้น ซึ่งมีหลายมาตราในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อยได้สงวนความเห็นเอาไว้ หากผ่านก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตำรวจ ทำให้ตำรวจไทยดีขึ้นได้ทันที โดยเฉพาะมาตราที่เกี่ยวกับการกระจายอำนาจไปให้จังหวัด ลดการรวมศูนย์ไว้ที่ส่วนกลาง ซึ่งเป็นโมเดลเดียวกับที่องค์กรตำรวจญี่ปุ่นใช้ โดยทั่วโลกให้การยอมรับว่าเป็นองค์กรตำรวจที่ดีอันดับต้นๆ ของโลกและมีบริบทที่คล้ายคลึงกันไม่ว่าการเป็นรัฐเดี่ยวหรือการเป็นระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

ในการอภิปรายมาตรา 13 กรรมาธิการเสียงข้างมากมีการเพิ่มมาตราขึ้นใหม่ต่อจากมาตรา 13 หลายมาตรา ตนจึงได้ขอเพิ่มใหม่เช่นกันเพื่อไปสู่ข้อเสนอสำคัญคือ การกำหนดให้มี ‘กรรมการนโยบายตำรวจจังหวัด’ และ ‘กรรมการนโยบายตำรวจนครบาล’ และเป็นข้อเสนอที่ภูมิใจที่จะบอกว่า เป็นการปฏิรูปได้เต็มปาก

พ.ต.ต. ชวลิต กล่าวอีกว่า การบริหารองค์กรยุคใหม่ต้องเลิกสายบังคับบัญชาที่ยาว ทำให้ระบบงานอุ้ยอ้าย เปลี่ยนเป็นสายบังคับบัญชาสั้นลง เคารพกันมากขึ้น เจ้านายเคารพลูกน้อง ลูกน้องเคารพเจ้านาย เปลี่ยนจากโครงสร้างที่ต้องให้เจ้านาย กด ขี่ ควบคุม ลูกน้อง เจ้านายถูกเสมอ ใช้อำนาจแบบบนลงล่างเปลี่ยนเป็น โครงสร้างที่ให้ความสำคัญกับคนหน้างาน โดยเจ้านายเป็นผู้สนับสนุนทรัพยากร ให้ลูกน้องทำงานได้ดี ทุกคนมีคุณค่าเท่ากัน การจะเปลี่ยนอนาคตให้เป็นแบบนี้ได้ จะต้องทำลายโครงสร้างอำนาจแบบรัฐรวมศูนย์

ส่วนที่มีการให้เหตุผลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า การรวมศูนย์มีข้อดีเพื่อจะได้เอาคนเก่งๆ จากพื้นที่ต่างกัน มาร่วมทีมกันทำคดีสำคัญได้ เรื่องนี้ตนกลับมองตรงข้ามเลยว่า ทำไมจึงไม่ทำให้บุคลากรในทุกพื้นที่เป็นคนเก่ง เพื่อไม่ต้องดึงทรัพยากรเข้ามาที่ส่วนกลางทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ในมาตราที่ 13 ข้อเสนอเกี่ยวกับการกระจายอำนาจได้แพ้โหวต สภาเสียงส่วนใหญ่มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของกรรมาธิการเสียงข้างมาก

ในสัปดาห์หน้า ยังมี พ.ร.บ.ตำรวจ เหลืออีกหลายมาตราให้สู้ต่อ หนึ่งในความเห็นที่ตนสงวนไว้คือ เสนอเพิ่มความในมาตรา 143 วรรคสอง “ข้าราชการตำรวจทุกเพศมีสิทธิและเสรีภาพในการไว้ผมสั้นหรือยาวก็ได้ โดยสุภาพและเรียบร้อย การออกกฎ ระเบียบ หรือคำสั่งเกี่ยวกับทรงผมข้าราชการตำรวจ ให้จำกัดสิทธิและเสรีภาพได้เท่าที่จำเป็นเพื่อความสุภาพและเรียบร้อยเท่านั้น”

แม้แต่เด็กนักเรียนในปัจจุบันก็ยังยกเลิกการบังคับตัดทรงผมที่ล้าหลังไปแล้ว ยิ่งข้าราชการตำรวจทุกคนเป็นผู้มีวุฒิภาวะ จึงไม่มีเหตุผลความจำเป็นใดเลยที่จะต้องบังคับตำรวจชายตัดผมสั้นเกรียนเหมือนกันหมดอย่างที่เราเห็นทุกวันนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากการออกระเบียบโดยอำนาจ ผบ.ตร. ตนเชื่อว่า ข้าราชการตำรวจจำนวนมากอึดอัดไม่พอใจ แต่ต้องจำทนกับคำสั่งละเมิดสิทธิมนุษยชนเช่นนี้

“ในเรื่องนี้ พรรคก้าวไกล เป็นพรรคเดียวที่เสนอแก้ไข มาจับตาดูกันครับว่า ผมในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อย จะสามารถโน้มน้าวสภาได้หรือไม่ ถ้าโหวตชนะจะมีผลให้ระเบียบทรงผมขาวสามด้าน ที่ ผบ.ตร. บังคับถูกยกเลิกไปโดยปริยาย และจะออกคำสั่งริดรอนสิทธิในทรงผมเช่นนี้ไม่ได้อีก ตำรวจทุกนายนอกจากเป็นกำลังใจ ท่านยังสามารถมีส่วนร่วมด้วยการส่งข้อหรือแสดงเจตจำนงค์ไปถึง ส.ส.ของท่านเพื่อเปลี่ยนแปลงข้อบังคับนี้ได้ เพราะถ้าเราชนะ เราจะชนะไปด้วยกันครับ” พ.ต.ต.ชวลิต กล่าว

TODAYWriterTODAY

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง