โฆษก ตร. ชี้แจงไม่มีเจตนาปกปิดคดี ปมหมอกระต่ายถูกทิ้งเป็นศพนิรนามกว่า 2 ชม. ยันคดีนี้ไม่จำเป็นต้องใช้กล้องวงจรปิดเพราะการแจ้งข้อกล่าวหาได้พิสูจน์ทราบในที่เกิดเหตุแล้ว
วันที่ 24 ม.ค. 2565 จากกรณี ส.ต.ต นรวิชญ์ บัวดก ขี่บิ๊กไบค์ชนพญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือ หมอกระต่าย แพทย์ผู้ชำนาญการด้านจักษุวิทยา ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขณะกำลังเดินข้ามทางม้าลาย จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต
ต่อมามีการเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่ง ว่า หลังเกิดเหตุ หมอกระต่ายกลายเป็นศพนิรนามอยู่นานถึง 2 ชั่วโมง เพราะตำรวจเก็บหลักฐานพิสูจน์ตัวตนไปไว้ที่โรงพักทั้งหมด กว่าจะทราบต้องรอให้ทางโรงพยาบาลโทร.ตามมาเข้าเวร ตำรวจซึ่งเป็นคนรับสายจึงแจ้งว่าหมอกระต่ายประสบอุบัติเหตุ ทั้งที่โดยปกติแล้วหลักฐานยืนยันตัวตนต่างๆ กู้ภัยจะต้องนำส่งให้โรงพยาบาลเพื่อติดต่อญาติ
ล่าสุพดพล.ต.ต. ยิ่งยศ เทพจํานงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์รายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ว่าเบื้องต้นได้รับรายงานจากผู้กำกับ สน.พญาไทว่า หลังจากเกิดเหตุช่วงเวลา 15.10 น. เจ้าหน้าที่เดินทางถึงพื้นที่เวลา 15.30 น. ได้หลักฐานของผู้เสียชีวิตทั้งหมดมาพิสูจน์ทราบ ซึ่งทั้งหมดเป็นไปตามกลไกการทำงาน เพราะต้องทราบให้ได้ว่าผู้เสียชีวิตคือใคร อีกทั้งโทรศัพท์ของผู้เสียชีวิตต้องล็อกอินด้วยรหัสผ่าน ทำให้ไม่สามารถเข้าเครื่องเพื่อค้นเบอร์ติดต่อญาติได้ โดยขณะนั้นรู้แล้วว่าผู้เสียชีวิตคือใครแต่เอกสารหรือหลักฐานติดตัวผู้เสียชีวิตไม่มีเบอร์โทรศัพท์ติดต่อญาติ โดยเจ้าหน้าที่พยายามค้นหาจากฐานข้อมูลต่างๆ ก็ไม่พบเบอร์ที่ประสานให้ญาติได้
กระทั่งเวลา 16.00 น. เพื่อนของผู้เสียชีวิตโทรเข้ามายังมือถือดังกล่าว โดยทางเจ้าหน้าที่ได้รายงานตามสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมขอให้เพื่อนที่โทรเข้ามาประสานญาติให้ด้วย ซึ่งเพื่อนของผู้เสียชีวิตไม่สามารถติดต่อญาติได้ และขณะนั้นผู้เสียชีวิตอยู่โรงพยาบาลราชวิถี กระทั่งเวลาประมาณ 17.00 น. มีอาจารย์แพทย์คนหนึ่งโทรเข้ามา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รายงานแต่ว่ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น จึงขอให้อาจารย์แพทย์ติดต่อญาติผู้ตาย จนกระทั่งเวลา 17.30 น. สามารถติดต่อญาติผู้เสียชีวิตได้ และให้ญาติมาที่โรงพยาบาลเพื่อจัดการพิธีศพ
พล.ต.ต. ยิ่งยศ กล่าวว่า ยืนยันว่าระยะเวลาเกิดเหตุจนนำหลักฐานมาที่ สน.ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ส่วนกรณีคลิปหลักฐานที่เพื่อนผู้เสียชีวิตประกาศหาต้องยอมรับว่ากล้องวงจรปิดต่างๆ เป็นของหลายๆ หน่วยงาน ตำรวจไม่ได้เป็นเจ้าของกล้อง ดังนั้นต้องมีกระบวนการเข้าไปขอกล้องวงจรปิดมาเป็นหลักฐาน แต่อย่างไรก็ตามคดีนี้ไม่จำเป็นต้องใช้กล้อง เพราะวันเกิดเหตุหลังจากผู้ก่อเหตุได้รับการรักษาตัวเสร็จ ได้เดินทางมาที่ สน. เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาทันที พยานหลักฐานต่างๆ กล้องเป็นส่วนประกอบหนึ่งในการสอบสวนแต่การแจ้งข้อกล่าวหาเราได้พิสูจน์ทราบในที่เกิดเหตุแล้ว










