‘ศักดิ์สยาม’ เปิดหลักฐานโอนขายหุ้น หจก.บุรีเจริญ ยันไม่เกี่ยวข้องแล้ว ปัดฮั้วประมูลและไม่ได้เทงบให้ จ.บุรีรัมย์ ยันไม่ได้แทรกแซงสอบที่ดินเขากระโดง
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ชี้แจงว่า จากการอภิปรายตนสรุปได้ 4 ประเด็น คือ ประเด็นเขากระโดง, ขายหุ้น หจก.บุรีเจริญ เป็นนิติกรรมอำพราง, มีการจัดงบประมาณทล. ทช.ไปจ.บุรีรัมย์ มากจนผิดสังเกต และประเด็น MR-MAP เป็นการลงทุนโครงการซ้ำซ้อน
ที่ดินเขากระโดงมีการอภิปรายมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งที่ดินเขากระโดง เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นยาวนาน ยืนยันว่าในฐานะ รมว.คมนาคมตนไม่เคยแทรกแซงการทำงานของหน่วยงาน แต่ได้มอบหมายให้ รฟท. ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายมาโดยตลอด โดยให้ทำภายใต้ระเบียบกฎหมายและกหลักธรรมาภิบาล มี 5 ประเด็นที่อยากจะชี้แจง ประเด็นแรก ผมเป็นเพียงผู้อาศัยในพื้นที่
ประเด็นที่ สองกล่าวหาว่าตนแทรกแซงหน่วยงานในสังกัดคือการรถไฟ ยืนยันว่า ผมให้รฟท. ดำเนินการตามขั้นตอนระเบียบกฎหมายและกหลักธรรมาภิบาล จึงมีการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์พื้นที่เพื่อให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
นอกจากนั้นในหนังสือสั่งการมีนโยบายให้ รฟท. ดำเนินการติดตามความก้าวหน้า ตามกฎหมายและธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัด ปฏิบัติด้วยความเสมอภาค และโปร่งใส และให้รายงานความคืบหน้าเป็นประจำทุกเดือน
ส่วนประเด็นที่ 3 กรณีกรมที่ดินมีคำถามว่าเหตุใด การรถไฟฯ ไม่ฟ้องขับไล่ประชาชน ในฐานะที่หน่วยงานการรถไฟเป็นหน่วยงานของรัฐ การจะให้การรถไฟไปฟ้องร้องกับประชาชนที่มีเอกสารสิทธิ์ที่ออกโดยชอบโดยหน่วยงานของรัฐ เป็นการไม่เป็นธรรมต่อประชาชน
แต่สิ่งที่การรถไฟดำเนินการ คือพิสูจน์สิทธิ์ ซึ่งขณะนี้ การรถไฟเชื่อว่าการออกเอกสารสิทธิ์ของกรมที่ดิน มีความคลาดเคลื่อนจงขอให้กรมที่ดินเพิกถอนสิทธิ์เอกสารที่ทับซ้อน ซึ่งขณะนี้การรถไฟมีคำร้องต่อศาลปกครอง เพื่อให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนที่ดินทั้งแปลง ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 61 ซึ่งมีการพิจารณา 2 ศาลปกครองกลาง และศาลปกครองสูงสุด
เรื่องนี้การรถไฟแห่งประเทศไทยใช้สิทธิ์ทาศาลยื่นฟ้องกรมที่ดิน ในฐานะนายทะเบียน ต่อศาลปกครอง ซึ่งศาลมีคำวินิจฉัยรับคำร้องไว้พิจารณาแล้ว ผมคิดว่าเรื่องนี้เมื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาล ก็ต้องเชื่อมั่นในกระบวนการพิจารณาของศาลและรอคำวินิจฉัยของศาล เรื่องนี้ผมก็เรียนว่าต้องพึงระวังเรื่องที่อภิปรายอาจเป็นการก้าวล่วงการพิจารณาของศาลและอาจสุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดอำนาจศาล
นอกจากนี้ในเรื่องกระบวนการพิสูจน์สิทธิ์ นอกจากยื่นศาลปกครองกลางแล้ว ยังมีสมาชิกอภิปรายพาดพิงนายชัย ชิดชอบ พ่อของตน ซึ่งเป็นบุคคลที่ตนเคารพที่สุดในชีวิต จริงๆแล้ว พ่อของตนเช่าที่ดินของรฟท. ซึ่งได้มีการเช่าจริง แต่เป็นที่ดินคนละแปลง
ส่วนที่นายทวี สอดส่อง กล่าวหา เมื่อศาลฎีกามีคำพิพากษาว่า กรรมสิทธิ์ที่ดินบริเวณเขากระโดงเป็นของการรถไฟฯ ในฐานะเจ้าของที่ดินสามารถนำผลพิพากษาใช้ยันบุคคลภายนอกได้ จริงๆ มาตรา 145 เป็นเรื่องของการใช้สำหรับยืนยันสิทธิ์ของการรถไฟในที่ดินแปลงที่อยู่ในคำพิพากษาเท่านั้น แต่ไม่สามารถนำไปใช้ในการบังคับที่ดินแปลงอื่นๆ ที่ไม่อยู่ในคำพิพากษาได้
ส่วนอีกเรื่องข้อกล่าวหาว่าตนไปสั่งการไม่ให้ดำเนินการบังคับใช้ กรณีคำพิพากษาศาลฎีกาอ่านคำพิพากษาวันที่ 13 มี.ค 2562 ให้มีการดำเนินการกับที่ดินของนายเอ ต้องเรียนว่า การรถไฟมีการดำเนินการตามกระบวนการ คือต้องมีการสืบทรัพย์สินของนายเอ มีการตั้งพนักงานบังคับคดี ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการของกรมบังคับคดี ทั้งหมดเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายทุกประการไม่มีการละเว้นเลือกปฏิบัติกับใคร
ส่วนประเด็นขายหุ้น หจก.บุรีเจริญ เป็นนิติกรรมอำพราง กล่าวหาว่า การขายหุ้น หจก.บุรีเจริญ มีพฤติกรรมน่าสงสัยว่าเป็นการซื้อขายปลอม ไม่มีหลักฐานการชำระเงินจริง แต่เป็นไปในลักษณะนิติกรรมอำพรางเพื่อให้รมว.คมนาคม ได้ประโยชน์ในการลงทุนของ หจก.บุรีเจริญ ในโครงการรับเหมาของกระทรวงคมนาคม
นายศักดิ์สยาม ระบุว่ามีการซื้อขายจริงตั้งแต่ 16 ม.ค. 2561 มีการโอนเงินและมีหลักฐานจาก ธนาคารธนชาติ สาขาบุรีรัมย์ มีการโอนเงิน 3 ครั้ง รวม 119,500,000 บาท และมีการจดเปลี่ยนหนังสือรับรอง เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2561 ซึ่งหลังจากนั้นตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ หจก.บุรีเจริญอีก หากสมาชิกมีข้อสงสัยต้องไปสอบถามกับทาง หจก.บุรีเจริญ ส่วนเงินที่นำมาจากการขายหุ้นนั้นได้นำไปใช้หนี้สินส่วนตัวและหนี้สินทางธุรกิจ
ส่วนข้อสอบถามว่าทำไมการซื้อขายหุ้นครั้งนี้จึงไม่แจ้งไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพราะเป็นไปตามหลักเกณฑ์ คือกรณีที่ต้องยื่นมีเรื่องเดียวคือมีการเพิ่มเงินลงทุน หรือจดใหม่ ส่วนกรณีโอนหุ้น ไม่ต้องยื่น ส่วนที่ไม่มีรายงานบัญชีทรัพย์สิน ป.ป.ช. เพราะเกิดก่อนที่ตนจะเข้าสู่ตำแหน่ง 5 พ.ค. 2562
นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า กรณีมีการฮั้วประมูลงานของกระทรวงคมนาคมไม่เป็นความจริงและเป็นไปไม่ได้ ตั้งแต่ตนมารับตำแหน่งได้ให้นโยบาย คือ ต้องเป็นไปตามระเบียบและกฎหมาย ต้องถูกต้องตามมติ ครม. ต้องเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล ต้องรับฟังความเห็นของพี่น้องประชาชน และการประมูลงานเป็นการประมูลโดยใช้วิธีอิเล็กทรอนิกส์ที่เรียกว่า E- Bidding ซึ่งดำเนินการโดยกรมบัญชีกลาง ตาม พรบ.จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560
นอกจากนี้การดำเนินการยังมีกฎหมายอื่นที่ต้องปฏิบัติตาม เช่น พรบ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 หากมีการฮั้วประมูลผู้เสอนราคาจะมีความผิดตามกฎหมาย
ส่วนกรณีการกล่าวหาว่ากระทรวงคมนาคม จัดงบกรมทางหลวงชนบทไป จ.บุรีรัมย์ มากผิดปกตินั้น ในการจัดทำงบประมาณย้อนหลังไป 10 ปี ตั้งแต่ปี 2557 – 2566 จะเห็นว่ากระทรวงคมนาคมของบประมาณมากทุกปี แต่จะได้รับการจัดสรรไม่เกิน 1 ใน 3 ซึ่งการพิจารณาจัดสรรงบประมาณ กรมทางหลวงชนบทจะเสนอโครงการที่มีความพร้อม และจำเป็นเร่งด่วนมายังกระทรวง โดยมีคณะทำงานพิจารณาโครงการก่อนที่เรื่องจะมาถึงตน และลงนามเสนอไปยังสำนักงบประมาณ เพื่อพิจารณาตามขั้นตอนหลักเกณฑ์
ทั้งหมดเป็นไปตามกระบวนการ ไม่มีเรื่องการสั่งการว่างบต้องไปลงตรงไหน และถ้าเปรียบเทียบย้อนหลัง 10 ปีที่ผ่านมา จ.บุรีรัมย์ไม่ได้มีงบมากกว่าหากเทียบเคียงจังหวัดอื่น ส่วนงบประมาณที่สูงขึ้นในช่วงท้ายๆ เพราะในอดีต จ.บุรีรัมย์ และจังหวัดใกล้เคียงได้รับการจัดสรรน้อย ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการพัฒนา ซึ่ง จ.บุรีรัมย์ พัฒนาโดยภาคเอกชนก่อให้เกิดการสร้างงาน การท่องเที่ยวจำนวนมาก จึงต้องสร้างระบบคมนาคมไปรองรับสิ่งเหล่านี้ ซึ่งไม่มีการกระจุกตัวแต่อย่างใด
ในช่วงท้ายการชี้เเจงของนายศักดิ์สยาม เกิดการปะทะคารมกัน เนื่องจากนายศักดิ์สยาม ระบุว่า ก่อนจะจบฝากเรียนเชิญนายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ถ้ามีเวลาไปที่กระทรวงคมนาคมจะได้หารือกัน เมื่อวานนี้นั่งฟังสมาชิกอภิปรายกล่าวหาตน 4 ชั่วโมงกว่า เรื่องที่ดินรถไฟ เรื่องการขายหุ้น หจก.บุรีเจริญ หรือเรื่องจัดสรรงบต่างๆ อยากให้ดูข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนอภิปราย เพราะประชาชนฟังทั้งประเทศ ถ้าได้ข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์จะทำให้เกิดความเสียหายกับหลายส่วน ยืนยันว่า ที่อภิปรายกล่าวหานั้นไม่เป็นความจริงทั้งสิ้น ทำให้นายสุรเชษฐ์ ลุกขึ้นขออภิปรายสวนเเบบทันควัน ระบุว่า หลายประเด็นที่นายศักดิ์สยามพยายามชี้เเจงฟังไม่ขึ้น










