วันที่ 7 พ.ค. 2565 นายรังสิมันต์ โรม เดินทางไปร่วมปาฐกถาพิเศษ เวที ‘ทั่วไทยทวงคืนอำนาจประชาชนครั้งที่ 4 : รัฐบาลสั่นคลอน สภาล้มลุกคลุกคลาน’ โดยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงการเตรียมความพร้อม การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล มองว่าคนในรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีบาดแผลเยอะตอนนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคก้าวไกลไม่ให้ความสำคัญกับระบอบประยุทธ์ และจะแสดงให้เห็นว่าเกิดการคอร์รัปชันอย่างมาก ซึ่งจะใช้สภาเป็นเวทีในการตรวจสอบ
นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า อยากให้ประชาชนติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคก้าวไกลให้ความสำคัญกับเรื่องการค้ามนุษย์ ที่ล่าสุดเพิ่งเกิดขึ้นในแวดวงข้าราชการจะมีการตรวจสอบติดตามอยู่ตลอดแน่นอน ส่วนจะยกเรื่องนี้ขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ยังบอกไม่ได้เพื่อไม่ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องรู้ตัว นอกจากนี้ยังมีประเด็นอื่นๆ ทั้งเรื่องสภาพเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องประชาชน รวมถึงเรื่องสิทธิมนุษยชน รัฐบาลต้องเตรียมตัวตอบคำถามให้ได้เพราะว่าในรอบปีที่ผ่านมามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง ขอให้รัฐบาลตอบคำถามต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วย
“เราให้ความสำคัญปัญหามิติเศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ประชาชน เรากำลังยากจนลงนับเป็นความเสียหายยิ่งใหญ่ที่สุด เรื่องสอง สิทธิมนุษยชน รัฐบาลต้องเตรียมตัวตอบให้ดีเพราะว่าในรอบปีที่ผ่านมามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง ส่วนประเด็นอื่นรอติดตามชมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รับรองการทำงานพรรคก้าวไกลเข้มข้นถึงพริกถึงขิงแน่นอน” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวทิ้งท้ายว่า พรรคก้าวไกลต่อต้านระบอบประยุทธ์ ความขัดแย้งภายในของพกวกเขาไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องเลือก พล.อ.ประยุทธ์ หรือ พล.อ.ประวิตร พรรคก้าวไกลในฐานะพรรคฝ้ายค้านกำลังต่อต้านระบอบนี้ ประเทศไทยควรมีตัวเลือกที่ดีกว่านี้ มืออาชีพ เข้าใจปัญหาเศรษฐกิจและต้องนำประเทศพ้นจากวิกฤตนี้ให้ได้ ซึ่งบุคคลเหล่านี้ไม่ตอบโจทย์วิกฤตปัญหาที่ประเทศเผชิญอยู่ “เราต้องทำให้ประชาชนเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร เป็นปีศาจ”
