กมธ. ศาสนาฯ สภา จ่อเชิญ 2 พส. เข้าแจง หลังไลฟ์สดหาจุดเหมาะเผยแผ่ธรรมะ
วันที่ 6 ก.ย. 2564 นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล รองประธานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่าหลังจากที่ พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ และ พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต ได้ไลฟ์สดในเพจพระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ จนมีผู้เข้าชมมากถึง 2 แสนคนนั้นได้มีกระแสสังคมออกมาสนับสนุนและต่อต้าน ซึ่งทั้ง 2 ขั้วมีการวิพากษ์วิจารณ์กันในแง่มุมต่างๆ สำหรับคณะกรรมาธิการศาสนาฯ ได้รับการร้องเรียนเข้ามาถึงความไม่ถูกต้องที่มีการหัวเราะที่มากเกินไปในขณะไลฟ์สด ทำให้ไม่เหมาะแก่สมณสารูป อาจผิดพระธรรมวินัยและธรรมเนียมปฏิบัติของชาวไทยพุทธ ซึ่งทาง กมธ. ก็มิได้นิ่งนอนใจซึ่งตนจะนำเรื่องเข้าสู่ กมธ. เพื่อขอมติออกหนังสือเชิญ-นิมนต์ พระสงฆ์ทั้ง 2 รูปและบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงตามอำนาจหน้าที่ของ กมธ. ที่เป็น 1 ใน 3 ของอำนาจคือ อำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ
นายเพชรวรรต กล่าวต่อไปว่าสำหรับประเด็นของ พระมหาไพรวัลย์และพระมหาสมปอง ถือเป็นเรื่องใหญ่และมีความละเอียดอ่อน เพราะกระทบต่อวงการสงฆ์ที่ถือเป็น 1 ใน 3 สถาบัน ซึ่งต้องยอมรับว่าสังคมปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงเร็วมาก โดยเฉพาะปัจจัยของโควิด-19 ที่เข้ามาเป็นปัจจัยเร่งให้การเข้าถึงพระสงฆ์ มีรูปแบบที่สามารถเข้าถึงกันในแบบ Online ได้มากขึ้นการตอบโต้การเทศนาในรูปแบบเดิมจึงอาจจะเปลี่ยนไป
แน่นอนกิจการที่พระพุทธเจ้าทรงประทานแก่พระจักขุบาลเถระ ว่าธุระในพระพุทธศาสนานี้มี 2 อย่าง คือ คันถธุระและวิปัสสนาธุระ ซึ่งก็จะตรงกับกิจการพระพุทธศาสนาที่ล้นเกล้ารัชกาลที่ 9 พระราชทานแก่พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ทุกรูป ที่ปรากฏในสัญญาบัตรพัดยศ ว่า “ขอจงรับภารธุระในพระพุทธศาสนา” ทำให้สัมพันธ์กับกิจการพระพุทธศาสนาที่เป็นหน้าที่ของคณะสงฆ์ ในพันธกิจ 6 ด้าน ประกอบด้วย 1.การปกครอง 2.การศาสนศึกษา 3.การศึกษาสงเคราะห์ 4.การเผยแผ่ 5.การสาธารณูปการ 6.การสาธารณสงเคราะห์
นายเพชรวรรต กล่าวว่า สำหรับประเทศไทยเราได้รับอิทธิพลของพระพุทธศาสนาเถรวาทเข้ามา ซึ่งได้ผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมจารีตประเพณีของไทยมาอย่างช้านาน ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ สมควรอย่างยิ่งที่จะมาหาทางออกร่วมกันในแง่มุมของการ เผยแผ่ ที่จะเป็นการกำหนดทิศทางที่ถูกต้องในการยอมรับกันในประเทศและระดับสากลที่ถูกตามหลักพระธรรมวินัย ในยุค new normal ต่อไป










