เหลือเวลาอีกไม่นานจะมีการเลือกตั้งใหญ่ในปี 2566 นี้ นับว่าเวลานี้คือช่วงโค้งสุดท้ายของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สำนักข่าว TODAY รวบรวม มติ ครม. เมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2566 ถึงมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลประยุทธ์ที่จะทำให้ประชาชน
- ตรึงค่าไฟฟ้า
มติคณะรัฐมนตรี วันที่ 24 มกราคม 2566 เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ราคาพลังงานที่สูงอยู่
วงเงิน
7,500 ล้านบาท
ใครบ้างได้ส่วนลดค่าไฟฟ้า
-บ้านที่อยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย/เดือน
-ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัย ในพื้นที่ของ กฟน. และกฟภ.
-ผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านอยู่อาศัยที่เป็นผู้ใช้ไฟฟ้ารายย่อยของ กฟผ.
-ผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่บริการของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ
ระยะเวลา
4 เดือน มกราคม – เมษายน 2566
โดยกำหนดให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังนี้
-ผู้ใช้ไฟฟ้าระหว่าง 1-150 หน่วยต่อเดือน ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้า จำนวน 92.04 สตางค์ต่อหน่วย โดยมีผลต่างค่า ft เรียกเก็บและส่วนลด 1.39 สตางค์/หน่วย
– ผู้ใช้ไฟฟ้าระหว่าง 151-300 หน่วยต่อเดือน ให้ส่วนลดค่าไฟฟ้า จำนวน 67.04 สตางค์ต่อหน่วยโดยมีผลต่างค่า ft เรียกเก็บและส่วนลด 26.39 สตางค์/หน่วย
ทั้งนี้คาดว่าจะมีผู้ได้รับการช่วยเหลือรวมทั้งสิ้นประมาณ 19.66 ล้านราย ใช้งบประมาณรวมในกรอบไม่เกิน 7,500 ล้านบาทหรือประมาณ 1868.06 ล้านบาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 4 เดือน
- เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5
วงเงิน 2,016 ล้านบาท
แนวทางดำเนินการ
-การลงทะเบียนใช้สิทธิเข้าโรงแรมที่พักจำนวนห้องพัก 560,000 สิทธิ์/ห้อง รัฐสนับสนุนร้อยละ 40 แต่ไม่เกิน 3,000 บาท/ห้อง/คืน สูงสุด 5 ห้อง
-คูปองอาหาร/ท่องเที่ยว (e-voucher) 600 บาท/วัน
ผู้รับประโยชน์จากโครงการ
-ประชาชนไทยที่เข้าร่วมโครงการและใช้สิทธิ
-ผู้ประกอบการในภาคการท่องเที่ยวที่เข้าร่วม
พื้นที่ดำเนินการ
-ทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย
ระยะเวลา
เดือนกุมภาพันธ์-กันยายน 2566
สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการ ฯ มีอายุ 18 ปี ขึ้นไปลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com พร้อมติดตั้งเป๋าตัง โดยต้องจองห้องพักล่วงหน้าก่อนเดินทาง 7 วัน
ทั้งนี้ ผู้ที่ไม่เคยเข้าร่วมมาตรการลงทะเบียนและยืนยันตัวตนเพื่อรับสิทธิจำนวน 5 สิทธิ สำหรับประชาชนที่เคยใช้สิทธิแล้ว สามารถกดให้ความยินยอม consent ในระบบได้เลย รวมทั้งผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคล
- โครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย
วงเงิน 1,930.4348 ล้านบาท
แนวทางการดำเนินกิจกรรม
-การกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเดินทางมายังประเทศไทยจากต่างประเทศ โดยเน้นการนำเสนอ Soft Power ผ่าน Digital Market และกิจกรรมทางการตลาด
-กระตุ้นท่องเที่ยวไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ (ไทยเที่ยวไทย) ให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวบ่อยครั้งขึ้น
-การสื่อสารและประชาสัมพันธ์ เผยแพร่และสร้างกระแสการเดินทางภายในประเทศ ภายใต้แคมเปญ Amazing Thailand, Amazing New Chapters
-การยกระดับคุณภาพสินค้าเพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยว
พื้นที่ดำเนินการ
ทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย
ระยะเวลาดำเนินการ
เดือนกุมภาพันธ์- กันยายน 2566
เป้าหมายโครงการฯ
-เพื่อช่วยผลักดันและสนับสนุนการสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวให้เป็นไปตามเป้าหมาย 2.38 ล้านล้านบาท
- ผลิตแพทย์และบุคลากรจิตเวชเพิ่ม 2,950 คน
งบประมาณ 686 ล้านบาท
ระยะเวลาดำเนินการ
5 ปี ปีงบประมาณ 2566 – 2570
ผู้ดำเนินการ
กระทรวงสาธารณสุข
ทั้งนี้ ปัจจุบันไทยมีบุคลากรด้านสุขภาพจิตรวม 5,946 คน (คิดเป็น 8.99 ต่อแสนประชากร ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก) และแต่ละปีจะผลิตบุคลากรด้านสุขภาพจิตได้ 488 คนต่อปี ซึ่งไม่เพียงพอต่อการบริการประชาชน
วัตถุประสงค์
-เพื่อพัฒนาบุคลากรด้านสุขภาพจิตให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
-ยกระดับคุณภาพบริการสุขภาพจิตให้ประชาชนได้ โดยไม่จำเป็นต้องส่งต่อไปยังโรงพยาบาลที่อยู่ห่างไกล
เป้าหมาย
เพิ่มกำลังคนด้านสุขภาพจิต จำนวน 2,950 คน
1.ด้านจิตแพทย์ทั่วไป 150 คน
2.ด้านพยาบาลเฉพาะทางสุขภาพจิตและจิตเวช 1,500 คน
3.ด้านพยาบาลเชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตและจิตเวช 100 คน
4.ด้านนักจิตวิทยาคลินิก 400 คน
5.ด้านนักสังคมสงเคราะห์จิตเวช 400 คน
6.ด้านนักกิจกรรมบำบัดจิตเวช 250 คน
7.ด้านเภสัชกรจิตเวช 150 คน
วิธีการดำเนินโครงการ
-ประสานความร่วมมือกับสภาวิชาชีพ สถาบันฝึกอบรมของทุกสาขาวิชาชีพ เพื่อจัดทำแผนร่วมกัน โดยพัฒนาบุคลากรเดิมให้เป็นผู้เชี่ยวชาญเพิ่มขึ้น
-พัฒนาศักยภาพสถานบริการและบุคลากรในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เพื่อเพิ่มหน่วยผลิตบุคลากรจิตเวชจากต้นทุนที่มีอยู่ -ติดตามประเมินผลการพัฒนาบุคลากรแต่ละสาขาและระบบบริการจิตเวชและยาเสพติด
- โครงการพัฒนาระบบคลาวด์กลางด้านสาธารณสุขของไทย
วงเงิน 1,514.6172 ล้านบาท (เป็นงบกลางฯ ปี 2566 และงบผูกพันข้ามปีงบประมาณ 2567-2568)
-การพัฒนาระบบบริหารจัดการการแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพทั่วประเทศ ครอบคลุมการจัดหาระบบซอฟต์แวร์ การจ้างพัฒนาระบบและการฝึกอบรมบุคลากร วงเงิน 1,129.3157 ล้านบาท
-การจัดหาบริการระบบคลาวด์กลาง (Cloud Server) ครอบคลุมการเช่าคลาวด์กลางด้านสาธารณสุข การเช่าพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเพิ่ม และการบริหารจัดการ Log และ Managed Security Service วงเงิน 385.3014 ล้านบาท
ซึ่งจะมีแหล่งเงินงบประมาณจากงบประมาณ ปี 2566 งบกลางฯ จำนวน 553.8203 ล้านบาท และจำนวน 960.7969 ล้านบาทเป็นงบผูกพันข้ามปีงบประมาณ 2567-2568
วัตถุประสงค์
-เพื่อจัดเตรียม/พัฒนาระบบคลาวด์กลางด้านสาธารณสุขของไทย (National Health Information Platform) สำหรับบริหารจัดการการแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพทั่วประเทศ
-เพื่อเช่าใช้ระบบคลาวด์พื้นฐานเป็นแพลตฟอร์มกลางภายใต้การดูแลของภาครัฐ
-รองรับการบูรณาการข้อมูล และการเก็บข้อมูลในรูปแบบ Private Cloud
-มีโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในการให้บริการด้านสุขภาพของประชาชน
ระยะเวลาดำเนินการ
3 ปี (พ.ศ. 2566-2568)
- แผนการใช้เงินของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ประจำปีงบประมาณ 67
วงเงิน 7,985,786,100 บาท
-นวัตกรรมและการวิจัยเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา 267.50 ล้านบาท
-พัฒนาระบบหลักประกันความเสมอภาคทางการศึกษา (ปฐมวัย-ภาคบังคับ) 5,359.05 ล้านบาท
-พัฒนาคุณภาพโรงเรียนทั้งระบบ 280 ล้านบาท
-จัดการศึกษาเชิงพื้นที่เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ 70 ล้านบาท
-พัฒนาระบบการผลิตและพัฒนาครูสำหรับโรงเรียนพื้นที่ห่างไกล 394.11 ล้านบาท
-ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพการศึกษาระดับสูงกว่าภาคบังคับ 1,025.92 ล้านบาท
-ส่งเสริมและพัฒนาเยาวชน และประชากรวัยแรงงานนอกระบบให้ได้รับโอกาสกลับเข้าสู่ระบบการศึกษา 251 ล้านบาท
-สื่อสารความรู้และระดมความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะ 46.50 ล้านบาท
-บริหารและพัฒนาระบบงานโดยพัฒนาระบบตามแผนดำเนินงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ 291.71 ล้านบาท
วัตถุประสงค์
-แก้ปัญหาเหลื่อมล้ำการศึกษา เด็กและเยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์หรือด้อยโอกาสได้รับการอุดหนุนเงินเพื่อบรรเทาอุปสรรคการเข้าถึงการศึกษา
-ช่วยนักเรียนขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือด้อยโอกาส 2,636,304 คน
-เยาวชนและแรงงานนอกระบบการศึกษาได้รับการช่วยเหลือตามความจำเป็นหรือสนับสนุนให้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษาหรือได้รับการพัฒนาทักษะวิชาชีพที่เหมาะสม
-ครูและหน่วยจัดการเรียนรู้ทั้งในและนอกระบบการศึกษาได้รับการพัฒนาคุณภาพทั่วถึง










