ราชทัณฑ์แจงหลักเกณฑ์อภัยโทษเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย เผย ‘เปรมชัย’ นอนคุกคืนแรกเครียด มีอาการท้องเสีย แพทย์เข้าตรวจรักษาแล้ว

วันที่ 9 ธ.ค. 2564 ายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึง กรณีการรับตัวนายเปรมชัย กรรณสูต โดยภายหลังจากที่เรือนจำอำเภอทองผาภูมิ ได้รับตัว นายเปรมชัย กรรณสูต เมื่อวานนี้ (8 ธันวาคม 2564) ได้ดำเนินการตรวจร่างกายและแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่เป็นเวลาอย่างน้อย 21 วัน ตามมาตรการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของกรมราชทัณฑ์อย่างเคร่งครัด
เบื้องต้น นายเปรมชัย มีอาการปวดท้อง ถ่ายเหลว 3 ครั้ง และในช่วงเช้าวันนี้ แพทย์จากโรงพยาบาลทองผาภูมิ ได้เข้าตรวจรักษาอาการ ผลการตรวจร่างกายโดยทั่วไป พบว่าไม่มีไข้ อุณหภูมิร่างกาย 36.8 องศาเซลเซียส ชีพจร 87 ครั้งต่อนาที หายใจ 20 ครั้งต่อนาที ความดัน 160/90 มิลลิเมตรปรอทตรวจระดับน้ำตาลในเลือด 124 มิลลิกรัมเปอร์เซน โดยการตรวจและรักษาอาการถ่ายเหลว พบว่าหน้าท้องนุ่ม มีอาการปวดท้องเล็กน้อยบริเวณด้านขวาล่าง แพทย์วินิจฉัยว่า มีอาการของโรคลำไส้อักเสบเฉียบพลัน (Acute Gastroenteritis) ซึ่งได้ดูแลให้ยาปฏิชีวนะระบบทางเดินอาหาร เกลือแร่ และให้รับประทานอาหารอ่อนในระยะนี้ พร้อมได้เจาะเลือดส่งตรวจเพื่อดูค่าการติดเชื้อ การทำงานของไต และค่าเกลือแร่ในร่างกาย (CBC, BUN, Cr, Electrolyte) ยังอยู่ระหว่างรอผลการตรวจอีกครั้ง
ผลการตรวจและรักษาตาซ้ายหลังการผ่าตัดต้อกระจก เบื้องต้นพบว่าไม่มีอาการแดงมีอาการคันตาซ้ายเล็กน้อย แพทย์ได้แนะนำให้หยอดตาทุก 4 ชั่วโมง ห้ามขยี้ตา ส่วนการตรวจและรักษาโรคเส้นเลือดดำที่ขาอุดตัน แพทย์ได้ตรวจขาทั้งสองข้าง พบผิวหนังที่ขาทั้งสองข้างสีดำคล้ำ ปวด บวม กดแล้วบุ๋ม 1+ (2 มิลลิเมตร) มีแผลเรื้อรังที่ขาข้างซ้าย ขนาดประมาณ 2×2 เซนติเมตร ซึ่งได้ให้การรักษาอาการ ทำแผลวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สถานพยาบาลเรือนจำอำเภอทองผาภูมิ ได้ดูแลอาการของผู้ต้องขังอย่างใกล้ชิด พร้อมให้การดูแลรักษาตามมาตรฐานทางการแพทย์ ซึ่งเป็นสิทธิที่ผู้ต้องขังทุกรายพึงได้รับ โดยแพทย์ได้แนะนำให้สังเกตอาการเพิ่มเติม หากพบว่ามีอาการหน้าท้องแข็ง ปวดท้อง ถ่ายเหลวเพิ่ม อาเจียน เหนื่อยและอ่อนเพลียมากขึ้น รวมถึงมีอาการตาแดง คันตา หรือมองเห็นภาพลดลงให้แจ้งเจ้าหน้าที่หรือพยาบาลประจำเรือนจำได้ทันที

อายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ แถลงชี้แจงหลักเกณฑ์อภัยโทษเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย ยืนยันผู้ต้องขังทุกรายได้รับสิทธิอย่างเท่าเทียมและเสมอภาค
เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ แถลงหลักเกณฑ์อภัยโทษเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย จากข่าวพระราชทานอภัยโทษ โดยการอภัยโทษเป็นมาตรการจูงใจอย่างหนึ่งให้ผู้ต้องขังอยู่ในระเบียบวินัยของเรือนจำ กลับตนเป็นพลเมืองดี โดยให้รับอภัยโทษตามความร้ายแรงประเภทคดี และลดหลั่นไปตามชั้นนักโทษซึ่งเป็นไปตามหลักอาชญวิทยาและราชทัณฑวิทยา
หลักการอภัยโทษจะแบ่งผู้ต้องขังออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
1.) ผู้ที่ได้รับการปล่อยตัว ซึ่งได้แก่ผู้ต้องขังที่ทำงานบริการสังคมหรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ ผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติและนักโทษเด็ดขาดที่เป็นผู้เจ็บป่วย พิการ ชราภาพ หรือนักโทษที่จำคุกมานานจนใกล้พ้นโทษแล้ว เหลือโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี อีกส่วนหนึ่งคือนักโทษที่ได้รับการพัฒนาประพฤตินิสัยจนได้รับการเลื่อนชั้นเป็นนักโทษชั้นเยี่ยม เหลือโทษไม่เกิน 2 ปี ทั้งนี้ผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวต้องไม่เป็นผู้กระทำความผิดซ้ำ หรือกระทำความผิดอาญาร้ายแรง
2.) กลุ่มที่ดีรับพิจารณาลดหย่อนโทษ แบ่งเป็น 4 กลุ่มได้แก่
– กลุ่มคดีอาญาทั่วไป นักโทษชั้นเยี่ยมได้รับการลดหย่อนโทษ 1 ใน 2 นักโทษชั้นกลางลดหย่อน 1 ใน 5
– กลุ่มคดีอาญาร้ายแรง นักโทษชั้นเยี่ยมได้รับการลดหย่อนโทษ 1 ใน 3 นักโทษชั้นกลางลดหย่อน 1 ใน 6
– กลุ่มคดียาเสพติดรายย่อย นักโทษชั้นเยี่ยมได้รับการลดหย่อนโทษ 1 ใน 5 นักโทษชั้นกลางลดหย่อน 1 ใน 8
– กลุ่มคดียาเสพติดรายใหญ่ นักโทษชั้นเยี่ยมได้รับการลดหย่อนโทษ 1 ใน 6 นักโทษชั้นกลางลดหย่อน 1 ใน 9
3.) กลุ่มที่ไม่ได้รับอภัยโทษ ได้แก่ นักโทษเด็ดขาด นักโทษประหารที่เคยได้รับการอภัยโทษไปแล้ว, นักโทษคดียาเสพติดรายใหญ่ที่รับโทษจำคุกมาไม่นาน, ผู้กระทำความผิดซ้ำหรือไม่ใช่นักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม, นักโทษชั้นต้องปรับปรุงหรือปรับปรุงมาก
การตรากฎหมายครั้งนี้กรมราชทัณฑ์คำนึงถึงสัดส่วนการบังคับโทษทางคำพิพากษาของศาล ซึ่งได้มีการเสนอหลักการใหม่จากเดิมที่เคยได้รับการปล่อยตัวในทุกกรณี เป็นให้ได้รับการลดโทษที่เหลือและลดเวลาคุมประพฤติลงกึ่งหนึ่ง ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นการบริหารของกรมราชทัณฑ์ว่าเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ที่จะดูแลผู้ต้องขังทุกคนอย่างเสมอภาค เท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ
https://www.facebook.com/prthaidoc/videos/447302120299673










