“กสิกรฯ ไพรเวทแบงค์” ชี้ ปีหน้าตลาดทุนยังผันผวน ชู 5 กลยุทธ์ รับความเสี่ยง

“กสิกรฯ ไพรเวทแบงค์” ชี้ ปีหน้าตลาดทุนยังผันผวน ชู 5 กลยุทธ์ รับความเสี่ยง

นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Private Banking Group Head ธนาคารกสิกรไทย กล่าวถึงผลการดำเนินงานธุรกิจ Kbank Private Banking ปี 2562 ว่าภาพรวมนั้นยังเติบโตได้ดี โดยมีจำนวนลูกค้า 11,600 ราย หรือ 7,000 – 8,000 ครอบครัว (จากลูกค้าของธนาคารฯ ทั้งหมด 15 ล้านคน) เพิ่มขึ้น 7% ขณะที่สินทรัพย์ภายใต้การจัดการ(AUM) ประมาณ 7.5 แสนล้านบาท เติบโต 0.2% โดยมีสินทรัพย์ลงทุนรวม 4.5 แสนล้าน เติบโต 7% และมีการลงทุนสินทรัพย์ซับซ้อน เติบโต 24.7%  ขณะที่สินทรัพย์ลงทุนคิดเป็นสัดส่วน 68%ของ AUM ที่เหลือ 32%เป็นเงินฝาก

โดยในปี2562 ตลาดลงทุนโลกมีความผันผวนสูงและเข้าสู่ช่วงปลายวัฏจักร Late Cycle ธนาคารจึงเน้นพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ลงทุนเพื่อบริหารคความเสี่ยง สร้างผลตอบแทนและเพิ่มความหลากหลาย โดยให้ความสำคัญกับการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยงผ่านกลยุทธ์กองทุนแบบผสมที่ใช้กรอบความเสี่ยงควบคุม (Risk-based allocation) ควบคู่กับการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก อาทิ ทองคำ และหุ้นนอกตลาด

“การที่ตลาดทุนยังมีความผันผวน ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกช่วงปลายวัฏจักร จึงเป็นโอกาสดีที่จะแนะนำลูกค้าปรับพอร์ตการลงทุน(K-Alpha)ที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง โดยการเติบโตของพอร์ต K-Alpha ถึง 12.5% ความเสี่ยงของพอร์ตที่ 4.5% และผลตอบแทนต่อหนึ่งหน่วยของความเสี่ยงพอร์ต K-Alpha สูงถึง 2.8 เท่า” จิรวัฒน์ กล่าว

สำหรับทิศทางในปี 2563 นายจิรวัฒน์ เปิดเผยว่าเศรษฐกิจโลกตัวเลขเศรษฐกิจโลกยังส่งสัญญาณชะลอตัวต่อเนื่อง มีความผันผวนสูง ประกอบกับความตื่นตระหนกของตลาดจะทำให้การลงทุนลำบากมากขึ้น

“หลังจากภาพรวมตลาดหุ้นในปีนี้ถือว่าดี ตลาดโลกเติบโต 15% บอนด์รัฐโต 5% หุ้นกู้ 10% น้ำมัน 30% แต่ตลาดหุ้นไทยโตแค่ 2% ซึ่งในช่วงปลายปี แนะนำให้ถือเงินสดเพิ่มเมื่อมีความเสี่ยงเพิ่มหรือรอการลงทุนเพิ่มจากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มดีขึ้นหลัง Bottom แล้วในปีนี้ ส่วนแนวโน้มตลาดโลกในปีหน้าคาดว่าจะเติบโตเพียงหนึ่งหลักเท่านั้น นักลงทุนจึงต้องระมัดระวัง เนื่องจากตลาดโตไปมากแล้วจึงอาจมีการปรับฐานได้”

นอกจากนี้ในปี 2563 ธนาคารกสิกรไทยได้แนะนำการบริหารทางการเงินส่วนบุคคลเพื่อรับมือความผันผวนในปีหน้า โดยรวบรวม 5 กลยุทธ์ได้แก่ กระจายความเสี่ยงและเพิ่มความคล่องตัวของพอร์ต รวมถึงป้องกันพอร์ตด้วยสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ และกลยุทธ์การลงทุนแบบ Hedged Fund ที่ใช้กลยุทธ์ Long และ Short หุ้นพร้อมๆกัน โดยเน้นกลยุทธ์ Carry ในกลุ่ม High Yield ที่ให้ดอกเบี้ยสูงกว่า ส่วนการลงทุนในหุ้นยังต้องระมัดระวัง เนื่องจากยังมีความผันผวน ควรเลือกกลุ่มธุรกิจที่ยังมีการเติบโตของกำไรสุทธิที่ดี เช่น หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์ เทคโนโลยี และพลังงาน ไปจนถึงหุ้นประเทศตลาดเกิดใหม่บางประเทศที่น่าสนใจ และสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติมในสินทรัพย์ทางเลือกอย่างอสังหาริมทรัพย์ หุ้นนอกตลาด และโครงสร้างพื้นฐานที่อาจมีที่มีความผันผวนทางด้านราคาตลาดน้อยกว่าแต่เหมาะสำหรับก้อนเงินลงทุนระยะยาว 5 ปีขึ้นไปและเป็นส่วนน้อยของพอร์ตเท่านั้น

 

 

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง