จากการระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบที่ 3 ที่ประสบปัญหาผู้ป่วยล้น จนเตียงในโรงพยาบาลทั้งภาคเอกชน และภาครัฐ รับผู้ป่วยเต็มหมด ซึ่งภาครัฐก็ได้เร่งจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม และได้พยายามขยายงานในการให้ผู้ป่วยได้เข้าถึงการดูแลรักษาได้เร็วขึ้น
ล่าสุด โรงพยาบาลในเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จึงได้จับมือกับภาคเอกชนและมูลนิธิ เพื่อก่อตั้งโครงการโรงพยาบาลสนามที่ได้มาตรฐานตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐอีกหลายหน่วยงาน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการบรรเทาปัญหาที่เกิดจากการระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทย
ทั้งนี้ ผู้ร่วมก่อตั้งโรงพยาบาลสนาม ได้แก่ โรงพยาบาลในเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์, MQDC, อีอีซี เอ็นจิเนียริ่ง เน็ทเวิร์ค, ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล และมูลนิธิธนินท์ เทวี เจียรวนนท์, มูลนิธิอริยวรารมย์ และมูลนิธิพุทธรักษา
โดยแต่ละภาคีเครือข่ายได้ร่วมมือกันด้านการก่อสร้าง ด้านระบบปรับอากาศ การบำบัดน้ำเสีย เพื่อให้เกิดความปลอดภัยขั้นสูงสุดของผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงผู้ปฏิบัติงานทั้งหมดในศูนย์และสภาพแวดล้อมโดยรวม รวมถึงด้านการจัดส่งทีมแพทย์และพยาบาล เพื่อการดูแลรักษาและสาธารณสุขให้กับผู้ป่วย
ด้านมูลนิธิที่เข้ามาร่วมเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง ได้แก่ มูลนิธิธนินท์ เทวี เจียรวนนท์, มูลนิธิอริยวรารมย์ และมูลนิธิพุทธรักษา จะให้ความร่วมมือและสนับสนุนต่อไป
สำหรับโรงพยาบาลสนามดังกล่าว ตั้งอยู่ที่ซอยวัดปลัดเปรียง ถนนบางนาตราด กม.5 ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยตัวโรงพยาบาลจะเป็นเต็นท์ขนาดใหญ่ ติดระบบปรับอากาศ และระบบการระบายอากาศ ที่ปลอดภัยทั้งภายในโรงพยาบาลและภายนอก
โดยมีจำนวน 6 เต็นท์ รวม 450 เตียง ซึ่งจะรับผู้ป่วยสีเขียวและสีเหลืองอ่อน และมีโรงพยาบาลในเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ รองรับสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการเปลี่ยนเป็นหนักขึ้น โดยโรงพยาบาลได้ขยายห้องผู้ป่วย ICU เพิ่มเติม สำหรับผู้ป่วยทั่วไปและผู้ป่วยจากโรงพยาบาลสนาม โดยขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง และจะเปิดรับผู้ป่วยในต้นเดือนสิงหาคมนี้

นพ.อธิวัฒน์ น้อยประสิทธิ์ Chief Performance Coach, Risk and Quality Officer บริษัท พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ จำกัด และผู้อำนวยการโรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามครั้งนี้ว่า “ถือเป็นครั้งแรกที่ภาคเอกชนได้ร่วมมือกัน โดยมีเทศบาลตำบลบางแก้ว และทางจังหวัดสมุทรปราการให้การสนับสนุนตามข้อกำหนดทางภาครัฐในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามแห่งนี้ขึ้นในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ เนื่องจากเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดพื้นที่หนึ่ง
โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิในเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ ตั้งอยู่ห่างจากโรงพยาบาลสนาม เพียง 5 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางไม่ถึง 10 นาที และเรามีการสนับสนุนบุคลากรการแพทย์จากโรงพยาบาลในเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ อีก 11 สาขาร่วมมือด้วย ทั้งด้านเครื่องมือและบุคลากรการแพทย์เพื่อรับมือสถานการณ์การระบาด โดยเราติดตามอาการของคนไข้ผ่านระบบ TeleHealth อย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันผู้ป่วยโควิด-19 ที่รักษาตัวอยู่โรงพยาบาลในปัจจุบันใกล้เต็มศักยภาพการรองรับ เช่นเดียวกับฮอสพิเทล (Hospitel) 3 แห่งอีกรวม 400 เตียงที่มีอัตราครองเตียงเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ตลอดเวลา และยังมีการพักรักษาตัวโดยแยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) ตามเกณฑ์ผู้ป่วยอาการไม่รุนแรง(สีเขียว) อีกหลายร้อยคน
การจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม โดยความร่วมมือภาคเอกชนเป็นแห่งแรก และได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการช่วยชุมชนสังคมในและนอกพื้นที่แล้ว ยังเป็นการแบ่งเบาภาระให้กับบุคลากรทางการแพทย์ และทำให้การตรวจค้นหาเชิงรุกของโรงพยาบาลเดินหน้าได้อย่างเต็มที่ในการแยกผู้ป่วยไม่มีอาการ หรืออาการน้อยออกมารักษาที่โรงพยาบาลสนาม หากมีอาการเปลี่ยนแปลงหรือทรุดลงจะดำเนินการรับตัวเข้ามารักษาในโรงพยาบาลทันที
ซึ่งทางโรงพยาบาลได้มีการลงทุนขยายห้องผู้ป่วย ICU เพิ่มขึ้นอีก 60 ห้อง รวมเป็น 85 ห้อง ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการรองรับการขยายโรงพยาบาลสนามในกรณีที่ผู้ป่วยอาการทรุดลง และต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล จะสามารถดูแลรักษาและรองรับผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงที”
นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กล่าวว่า “ในด้านการก่อสร้างลักษณะของอาคารเป็นโครงสร้างประกอบ เพื่อทำให้สามารถก่อสร้างได้รวดเร็ว
ภายในจะมีการเพิ่มความปลอดภัยด้านสุขภาพทั้งของผู้ป่วยและบุคลากรสนับสนุนในโรงพยาบาลสนาม อาทิ ใช้สีแบ่งโซนการใช้งานอย่างชัดเจน เช่น โซนแดง คือโซนผู้ป่วย โซนเขียว โซนปลอดภัยสำหรับกลุ่มบุคลากรในช่วงพักผ่อน พร้อมทั้งได้รับการสนับสนุนการก่อสร้างจากบริษัทก่อสร้างชั้นนำที่ได้มาตรฐาน จำนวน 8 บริษัทที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับเรา อาทิ สี่พระยาก่อสร้าง วิศวภัทร์ เป็นต้น
การแบ่งพื้นที่ใช้สอยหลักเพื่อรองรับผู้ป่วยจำนวน 450 เตียง แบ่งเป็นผู้ป่วยชาย 225 ผู้ป่วยหญิง 225 เน้นรับผู้ป่วยสีเขียวเป็นหลัก และได้แบ่งพื้นที่ไว้รองรับสำหรับผู้ป่วยระดับสีเหลืองอ่อน จำนวน 20 เตียง พร้อมทั้งอุปกรณ์จำเป็นสำหรับผู้ป่วยที่ต้องใช้ระบบ oxygen ได้จัดเครื่องช่วยหายใจ (Highflow) ไว้สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการหนักและมีอาการเชื้อลงปอด
รวมทั้งได้รับการสนับสนุนจากบริษัท โอโบดรอยด์ คอร์ปอเรชั่น จัดให้มีหุ่นยนต์ส่งของ “ปิ่นโต” ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในโรงพยาบาลต่างๆ ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ระบาดนี้ จำนวน 12 ตัว ทำหน้าที่รับส่งยา อาหาร เครื่องดื่ม และพัสดุจำเป็นใดๆ แก่ผู้ป่วย เพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อของเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์
นอกจากนี้ ยังได้นำระบบการสื่อสารทางไกลระหว่างบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วย “ไข่ต้ม Hospital” ซึ่งเป็นระบบ telemedicine ที่พัฒนาโดยบริษัท โอโบดรอยด์ คอร์ปอเรชั่น มาช่วยในการสื่อสารและติดตามอาการผู้ป่วย เพื่อลดความเสี่ยงของบุคลากร ประหยัดการใช้อุปกรณ์ป้องกันและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเจ้าหน้าที่

นายเกชา ธีระโกเมน ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท อีอีซี เอ็นจิเนียริ่ง เน็ทเวิร์ค จำกัด กล่าวว่า “ถือเป็นโอกาสอันดีของกลุ่มบริษัทอีอีซี พนักงาน และครอบครัวทุกคน ที่ได้มีโอกาสร่วมกันจัดตั้งโรงพยาบาลสนามนี้ โดยอีอีซีซึ่งเป็นผู้ชำนาญการในการออกแบบสถานพยาบาลมากกว่า 40 ปี ได้จัดเตรียมโรงพยาบาลสนามแห่งนี้ให้มีมาตรฐาน และป้องกันความเสี่ยงจากการติดเชื้อทางอากาศ เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์อย่างดีที่สุด
ทั้งนี้ โถงผู้ป่วยจัดให้มีระบบปรับอากาศ ที่จ่ายลมเย็นที่เป็นอากาศที่ผ่านการกรองอากาศจากภายนอก 100% หรือ All fresh air โดยอากาศที่จ่ายให้ผู้ป่วยทุกคนมาจากภายนอกอาคารนำมาผ่านการกรองให้สะอาดและทำให้เย็น การจ่ายความเย็นจะจ่ายที่เตียงผู้ป่วยแต่ละเตียงโดยเฉพาะ เพื่อควบคุมความสะอาดและทิศทางการไหลของอากาศจากปลายเตียงและถูกดูดออกด้วยพัดลมระบายอากาศที่หัวเตียง ดังนั้นอากาศที่ผู้ป่วยแต่ละเตียงได้รับจะไม่ใช่อากาศหมุนเวียนมาจากพื้นที่อื่นๆ ภายในอาคาร
ความดันอากาศของโรงพยาบาลได้ออกแบบให้มีความดันเป็นลบเพื่อป้องกันเชื้อไม่ให้แพร่กระจายไปพื้นที่โดยรอบ อากาศก่อนปล่อยออกภายนอกอาคารจะถูกกรองผ่าน HEPA filter ซึ่งมีประสิทธิภาพการกรอง 99.9% และฆ่าเชื้อด้วย UVGI และปล่อยออกที่ระดับสูงเหนือลมขึ้นไป
โดยทิศทางการไหลของอากาศและความดันอากาศแต่ละพื้นที่ได้ถูกออกแบบวางผังเพื่อแยกส่วนพื้นที่อากาศสะอาดและอากาศปนเปื้อนออกจากกัน เพื่อดูแลให้บุคลากรด่านหน้ามีความปลอดภัยสูงสุด”
ขณะที่นายเอกศิษฐ์ เฉลิมรัฐวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายผลิตและฝ่ายทรัพยากรบุคคล บริษัท ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ทีแอนด์บีฯ และบริษัทในเครือ มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในครั้งนี้ ด้วยจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ที่เพิ่มมากขึ้นในแต่ละวัน ทำให้จำนวนเตียงในโรงพยาบาลมีไม่เพียงพอต่อการรองรับ การสร้างโรงพยาบาลสนามจึงเป็นอีกหนึ่งหนทางที่จะช่วยแก้ไขปัญหานี้
อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการรักษาพยาบาลของประชาชนและสนับสนุนการดำเนินการขยายโรงพยาบาลสนามซึ่งทางภาครัฐกำลังเร่งจัดตั้ง โดยเครือข่ายพันธมิตรที่ร่วมกันปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ต่างร่วมมือกันในการทำให้งานนี้ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการระดมทุน ดำเนินงานจัดสร้างและตั้งระบบต่างๆ และอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้กับผู้ป่วย บุคลากรทางการแพทย์ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด
โรงพยาบาลสนามแห่งนี้จึงเปรียบเสมือนแสงแห่งความหวังซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของภาคเอกชน ที่อาสาเป็นอีกแรงหนึ่งในการช่วยเหลือสังคม บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนคนไทย และแบ่งเบาภาระหน้าที่ของทางภาครัฐ เพื่อให้ประเทศไทยฝ่าวิกฤตของผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไปด้วยกันให้ได้ทุกภาคส่วน”










