ศบค. ห่วงต่างจังหวัดติดโควิด-19 สูงแซง กทม. แล้วขณะที่อัตราครองเตียงสูงเช่นกัน บางจังหวัดสูงถึง 70% ส่วนผู้เสียชีวิตมีกระจายทั่วประเทศ ไม่จำกัดเฉพาะ กทม. ปริมณฑล หรือพื้นที่สีแดงเข้ม
วันที่ 26 ก.ค. 2564 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 แถลงสถานการณ์โรคโควิด-19 ประจำวันว่า ประเทศไทยอยู่อันดับ 47 ของโลก มีรายงานติดเชื้อ 15,376 ราย ตัวเลขนี้ยังไม่ได้นำการตรวจแอนติเจน เทสต์ คิท มารวมด้วย ภายในสัปดาห์จะนำมารวมเพื่อให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
ส่วนผู้เสียชีวิต 87 ราย ตัวเลขใหญ่อยู่ที่ กทม. 40 รายปทุธานี นครปฐม ปัตตานี จังหวัดละ 6 ราย, สมุทรสาคร กระบี่ นครรราชสีมา อุบลราชธานี ฉะเชิงเทรา ตราด ตาก และ สุพรรณบุรี่ จังหวัดละ 2 ราย,
นนทบุรี สมุทรปราการ สงขลา นครศรีธรรมราช กาฬสินธุ์ อุดรธานี ชลบุรี ระยอง สระแก้ว กำแพงเพชร สุโขทัย เพชรบุรี และ พระนครศรีอยุธยา จังหวัดละ 1 ราย,
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตกระจายทั่วประเทศ ไม่ได้จำกัดเฉพาะ กทม. ปริมณฑล หรือพื้นที่สีแดงเข้ม และอยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัว อัตราการครองเตียงนาน มีการเสียชีวิตที่บ้าน 5 ราย พบเชื้อหลังเสียชีวิตจากปทุมธานี 4 ราย และ กทม. 1 ราย
ขณะที่อัตราส่วนการติดเชื้อ กทม. และปริมณฑลเป็น 41% ต่างจังหวัด 71 จังหวัดจากตัวเลขเล็กได้แซงหน้า กทม. ไปแล้ว อยู่ที่ 59% แยกตามเขตสุขภาพ พบว่า มีการติดเชื้อจากผู้เดินทางมาจาก กทม. ปริมณฑล ทำให้หลายจังหวัดเป็นเชื้อนำเข้า
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า การจัดการในหลายจังหวัดที่พบประชาชนติดเชื้อเดินทางกลับจากพื้นที่สีแดงเข้ม ต้องเน้นย้ำจังหวัดเหล่านี้ หรือกำลังมียอดเพิ่มขึ้นเฝ้าระวัง ซึ่งแต่ละจังหวัดระบบสาธารณสุขที่มีอยู่เริ่มตึงเช่นกัน มีอัตราครองเตียงบางที่ขึ้นไปที่ 70% และมีรายงานผู้ติดเชื้อเสียชีวิตในจังหวัดเหล่านี้มากขึ้น และบางจังหวัดมีนโยบายรับผู้ป่วยจาก กทม. กลับไปรักษาตัวที่บ้าน ขอให้ผู้ว่ารชการจังหวัด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดมีระบบการคัดกรองประชาชนเข้าพื้นที่อย่างเคร่งครัด มีระบบดูแลรักษา เฉพาะโรงพยาบาลอาจไม่เพียงพอ ต้องใช้ระบบเดียวกับ กทม. ปริมณฑล คือเปิดแยกกักในชุมชน มีการแยกกักที่บ้าน ต่างจังหวัดต้องเตรียมรับมือด้วย










