‘เพื่อไทย’ ลั่นเดินหน้าโหวตร่างแก้ไขรธน.วาระ 3 แจงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญเป็นของประชาชน จี้พรรคร่วมรัฐบาลทำตามสัญญาที่รับปากประชาชนไว้
วันที่ 15 มี.ค. 2564 นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า ประเทศเกิดวิกฤติทั้งโรคระบาดไวรัสโควิด เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องความเชื่อมั่นที่รัฐบาลไม่สามารถสร้างให้เกิดขึ้นได้ แต่ที่เป็นประเด็นสำคัญคือ รัฐธรรมนูญ 2560 ถูกออกแบบจากคณะรัฐประหาร และพิสูจน์แล้วว่า การใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดไม่อาจแก้ไข คลี่คลายวิกฤติต่างๆ ได้ เมื่อดูอันดับความน่าเชื่อถือ อันดับคอรัปชั่นในประเทศ เราอยู่ในอันดับน่าเป็นห่วง ต้นตอปัญหาอยู่ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่การกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นกลไกสำคัญ รัฐธรรมนูญถูกกำหนดให้ขัดขวางคนเห็นต่าง ทางออกเวลานี้อยู่ที่การเดินหน้ากติกาที่เป็นอุปสรรคของประเทศ พรรคเพื่อไทยจะเดินหน้าโหวตวาระ 3 ถือว่าชอบธรรม เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเราควรจะต้องโหวต
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า อยากเห็นการทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์สุจริต ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง พรรคการเมืองเกือบทุกพรรค ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย ล้วนให้สัญญากับประชาชนต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลใดที่จะบ่ายเบี่ยง และไม่มีเหตุผลที่พรรคการเมืองจะมาขัดขวางหรือไม่โหวต อยากเห็นทุกพรรคการเมืองที่เคยรับปากประชาชน ทำหน้าที่แก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างที่ได้รับปากกับประชาชน เพราะอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญเป็นของประชาชน อย่างไรก็ตาม ช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯ เราจะมีคาราวานไปพบประชาชนในพื้นที่ต่างๆ อีกด้วย
ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยยืนยันจะเดินหน้าโหวตการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 ขอย้ำจุดยืนต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 3 ประการ ดังนี้ 1.พรรคเพื่อไทยจะเดินหน้าโหวตวาระ3 ในวันที่17มี.ค.2564 การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ใช่ทั้งฉบับ จึงไม่ต้องทำประชามติก่อนแก้ไข หากผ่านวาระ 3 ค่อยทำประชามติ 2.คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญระบุชัด ให้ประชาชนสถาปนารัฐธรรมนูญ หากยอมให้ ส.ว.84 คนคว่ำร่างรัฐธรรมนูญได้ เท่ากับอำนาจ 84 คนมากกว่าอำนาจคนไทยทั้งประเทศ แล้วแบบนี้ถือเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ และ3.ได้เวลาประชาชนออกมาบอกและยืนยันว่า อำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญเป็นอำนาจประชาชนชาวไทย ถึงเวลาจะเปลี่ยนรัฐธรรมนูญ พาประเทศพ้นวิกฤติ ทั้งนี้ เราจะรณรงค์ เปิดเวทีสื่อสารกับประชาชนในหลากรูปแบบเท่าที่กฎหมายให้ทำได้ เพื่อชี้ให้เห็นว่า อำนาจสถาปนาโดยประชาชนที่แท้จริงเป็นอย่างไร ที่ผ่านมาฝ่ายสืบทอดอำนาจมักตีความคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์สูงสุด ทั้งที่อำนาจในการสถาปนารัฐธรรมนูญเป็นของประชาชน










