ก่อนหน้านี้ช่วงต้นปี ‘กาแฟพันธุ์ไทย’ ได้เปิดตลาดทดลองเปิดสาขาแรกของ ‘ก๋วยเตี๋ยวเรือพันธุ์ไทย’ มาแล้ว หลายคนเดาว่าน่าจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เข้ามาเติมพอร์ต non-oil ให้กับอาณาจักรของ PTG และล่าสุดมีเฉลยแล้วว่า ปี 2569 จะเป็นปีแห่งการปักหมุดขยายสาขาของธุรกิจนี้แบบจริงจัง หลังจากที่ บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด ประกาศจัดตั้งบริษัทย่อยชื่อว่า “บริษัท ก๋วยเตี๋ยวเรือพันธุ์ไทย จำกัด”
นับเป็นการยกระดับกลยุทธ์ของ กาแฟพันธุ์ไทยที่น่าสนใจ หลังจากที่หลายคนจับตาว่าจะแข่งขันในทิศทางไหน เพราะตลาดเครื่องดื่มรุนแรงมาก และกาแฟพันธุ์ไทยกำไรติดลบมานาน

โดยกลยุทธ์ที่ว่า อนันต์ รัตนมั่นคง Vice President of Food and Beverage Services Group บริษัท กาแฟพันธุ์ไทย จำกัด เรียกมันว่า ‘ Brand Extension’ คือการต่อยอดความแข็งแกร่งของแบรนด์พันธุ์ไทยให้ครอบคลุมทั้งเครื่องดื่มและอาหาร ทำให้ครบและจบในที่ที่เดียว
คล้ายกับอุตสาหกรรมอื่นที่พยายามเป็น One Stop Service ซึ่งแนวคิดดังกล่าว กาแฟพันธุ์ไทยเลือกที่จะเปิดบริษัทย่อยรายใหม่ เพื่อโฟกัสกลยุทธ์นี้อย่างเต็มที่ ด้วยการผสานก๋วยเตี๋ยวเรือกับเครื่องดื่มพันธุ์ไทยให้อยู่ในร้านเดียวกัน

อนันต์ ได้กล่าวว่า “การจัดตั้งบริษัทย่อยใหม่ครั้งนี้เป็นกลยุทธ์สร้างความหลากหลายทางธุรกิจ เพิ่มสินค้าและบริการ ขยายโอกาสในการเติบโตของกลุ่มกาแฟพันธุ์ไทย ทั้งเป็นการมุ่งเป้าจับตลาด Street Food ที่มีศักยภาพสูง ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้คาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดรวมธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มในปี 2568 จะอยู่ที่ 646,000 ล้านบาท เติบโต 2.8% จากปี 2567”
“โดยเฉพาะตลาดร้านอาหาร Street Food ที่มีหน้าร้าน คาดว่าจะเติบโต 4.7% จากปี 2567 หรือมีมูลค่า 261,000 ล้านบาท เป็นเซกเมนต์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในตลาดร้านอาหารโดยรวมประมาณ 562,000 ล้านบาท นอกจากนี้พฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินค้า ความใส่ใจด้านสุขภาพ ความแปลกใหม่ ประสบการณ์ที่ได้รับ และราคาที่สมเหตุสมผล พันธุ์ไทยจึงมองเห็นโอกาสและศักยภาพในการเติบโตในอนาคต”
[ ก๋วยเตี๋ยวอาหารจานเดียว simple แต่อยู่ในชีวิตประจำวัน ]
เขา กล่าวถึงเหตุผลที่เลือกเป็น ‘ก๋วยเตี๋ยวเรือ’ ว่าเป็นอาหารจานเดียวที่อยู่ในชีวิตประจำวันของคนไทยมายาวนาน เป็นเมนูง่ายๆ ที่ได้รับความนิยม เข้าถึงง่าย สามารถทานได้ทุกวัน
โดยข้อมูลของพันธุ์ไทยฝ่าย Research & Development พยายามคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมเมนูใหม่ๆ ที่มีรสชาติแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของพันธุ์ไทย แต่ยังคงเก็บข้อดีเรื่องการพิถีพิถันคัดสรรวัตถุดิบคุณภาพดี กรรมวิธีที่เพิ่มอรรถรสของผู้บริโภค
ขณะที่ซิกเนเจอร์ที่มีที่นี่ที่เดียวคือ ‘เอ็นหมูหาดใหญ่คัดพิเศษ’ ที่ส่งตรงจากสงขลา เป็นการย้ำว่าพันธุ์ไทยคัดสรรแต่ความพิเศษให้กับลูกค้าไม่ว่าจะเครื่องดื่ม หรือก๋วยเตี๋ยวเรือก็ตาม
“ก๋วยเตี๋ยวเรือพันธุ์ไทย สาขาแรกตั้งอยู่ที่รังสิตคลอง 3 เราได้ทดลองโมเดลร้านอาหารแบบผสมผสานที่มีทั้งเครื่องดื่ม เบเกอรี และก๋วยเตี๋ยวเรือในร้านเดียว โดยเลือกทำเลรังสิตคลอง 3 เป็นพื้นที่ที่มีร้านก๋วยเตี๋ยวเรือจำนวนมาก และเป็นที่รู้จัก โดยสาขาแรกมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ พันธุ์ไทยจึงต้องการขยายสาขาให้ลูกค้าเข้าถึงร้านได้ง่ายขึ้น”

[ ขยายอาณาจักรก๋วยเตี๋ยวเรือ ให้ครบ 50 ปีหน้า ]
ปัจจุบัน ก๋วยเตี๋ยวเรือพันธุ์ไทย เปิดให้บริการ 2 สาขา ก็คือ สาขารังสิตคลอง 3 และสาขาคลองหลวง 8 จ.ปทุมธานี และจะเปิดให้บริการสาขาที่ 3 ที่คลองหลวง 3 ในช่วงปลายปีนี้
สำหรับแผนขยายสาขา ในปี 2569 ตั้งเป้าเปิดสาขาทั้งหมด 50 สาขา ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล แบ่งเป็นสาขาในและนอกปั๊มอย่างละ 50% โดยสาขานอกปั๊มจะเน้นแหล่งชุมชนเมือง ออฟฟิศ และ CBD ด้วย Business Model การเชื่อมต่อไปกับร้านกาแฟพันธุ์ไทย เพื่อต่อยอด Brand Extension

นอกจากนี้ ตั้งใจจะเพิ่มความคุ้มค่าด้วยการเชื่อมสิทธิพิเศษระหว่างร้านกาแฟพันธุ์ไทยและก๋วยเตี๋ยวเรือพันธุ์ไทย ด้วย Co-promotion ผ่านบัตรสมาชิก Max Card เพื่อสร้าง Brand Royalty ขยายฐานลูกค้าใหม่ และกระตุ้นยอดขายทั้ง 2 แบรนด์ไปพร้อมกัน
ไม่ว่าเศรษฐกิจในตอนนี้จะแย่ลงอย่างไร แต่นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า ธุรกิจที่ผู้บริโภคยังต้องทาน ต้องดื่ม จะยังคงเติบโต แม้ว่าอาจไม่หวือหวาเท่าที่ควร ดังนั้น การที่กาแฟพันธุ์ไทยหันมาจับตลาดที่เกี่ยวกับเรื่องปากท้องมากขึ้น ถือว่าเป็นกลยุทธ์ธุรกิจที่น่าสนใจ นอกจากจะเพิ่มพอร์ต non-oil ให้ยั่งยืน ยังทำให้ภาพลักษณ์แบรนด์ดิ้งแข็งแรงเพราะเข้าถึงคนทุกกลุ่ม











