หลังเป็นผู้จำหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์ไฟฟ้า BYD อย่างเป็นทางการ ซึ่งวางจำหน่ายในไทยมาตั้งแต่พฤศจิกายน 2565
ล่าสุด ‘เรเว่ ออโตโมทีฟ’ ได้ประกาศวิสัยทัศน์ ‘RÊVERLUTION’ (ขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำ) โดยเปิดตัวโครงการแรก Carbon Credit ให้ลูกค้า BYD นำไมล์สะสมมาแลกเป็นคาร์บอนเครดิต แล้วนำไปใช้เป็นส่วนลดอื่นๆ เช่น ค่าชาร์จ EV ได้
‘ประธานพร พรประภา’ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด กล่าวว่า วิสัยทัศน์ RÊVERLUTION มีจุดประสงค์เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดก๊าซเรือนกระจก และสนับสนุนแผนการ NDC (Nationally Determined Contribution) เป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ภายในปี พศ. 2573
โดยประเทศไทยได้ประกาศให้คำมั่นว่าจะบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ‘Carbon Neutrality’ ภายในปี 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ‘Net Zero Emission’ ภายในปี 2608
ซึ่งเรเว่มีความตั้งใจที่จะเข้าร่วมโครงการนี้ ภายใต้มาตรฐาน VERRA’s Verified Carbon Standard (VCS) ผ่านการส่งเสริมการให้ผู้ขับขี่ในไทยเปลี่ยนจากรถยนต์สันดาปภายใน (ICE) มาสู่การใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ไม่ปล่อยมลพิษทางอากาศหรือก๊าซเรือนกระจก
“เราเชื่อว่าโครงการ Carbon credit (คาร์บอนเครดิต) จะสามารถช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศได้อย่างดี โดยลูกค้าผู้ใช้รถยนต์ BYD ทุกท่าน สามารถเข้าร่วมโครงการ Carbon credit ผ่านทาง ทาง RÊVER Application โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ โดยเรเว่เป็นบริษัทแรกในโลกที่มอบผลประโยชน์ทาง Carbon Credit คืนให้กับลูกค้า”
สำหรับขั้นตอนการได้รับคาร์บอนเครดิต เรเว่อธิบายว่าลูกค้า BYD ที่กดสมัครเข้าร่วมโครงการ จะได้รับคาร์บอนเครดิตจากการคำนวณระยะทางการขับขี่ (Mileage) ซึ่งจะนำมาคำนวณเป็นอัตราการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ทั้งนี้ เรเว่บอกว่าทุกกิโลเมตรจะสะสมกลายเป็นเครดิตให้ลูกค้า คือลูกค้าได้คาร์บอนเครดิตเต็มจำนวน โดยจะสามารถเริ่มเคลมเครดิตได้ครั้งแรกในช่วงต้นปีหน้า
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตในระดับโลกนั้นมีราคาขึ้นลง และแต่ละประเทศก็มีราคาที่แตกต่างกัน ทำให้เรเว่ยังไม่สามารถประเมินได้ทันทีว่าระยะทางเท่าไหร่ถึงจะได้ 1 เครดิต โดยเรเว่ยืนยันว่ามีทีมงานเฉพาะที่คอยเฝ้าดูราคาคาร์บอนเครดิต เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าจะได้ราคาดีที่สุด
สำหรับเครดิตที่ลูกค้าได้รับนั้นสามารถนำมาใช้เป็นเครดิตส่วนลดในการชาร์จรถยนต์ EV กับ RÊVERSHARGER ซึ่งเป็นสถานีชาร์จที่เรเว่เข้าไปร่วมทุน (Joint Venture) กับบริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) ซึ่งเรเว่ถือหุ้น 15%
และหลังจากนี้เรเว่จะเดินหน้าหาพันธมิตรเพื่อให้ลูกค้านำเครดิตไปใช้แลกเป็นสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันได้ โดยปัจจุบันมีลูกค้า BYD สมัครเข้าร่วมโครงการแล้ว 30%
‘ประธานวงศ์ พรประภา’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด การเข้าลงทุนเพื่อเป็นพันธมิตรในบริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) นั้น สืบเนื่องมาจากรถยนต์ไฟฟ้าในไทยนั้นเติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่โครงสร้างพื้นฐาน EV ในไทยนั้นเติบโตไม่ทัน
ความร่วมมือครั้งนี้ตั้งเป้าที่จะขยายสถานีชาร์จครอบคลุมทั่วประเทศอีก 1,110 จุด (สถานีชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง 394 จุด และสถานีชาร์จไฟฟ้ากระแสสลับ 716 จุด) ภายในสิ้นปี 2566 นี้
‘พีระภัทร ศิริจันทโรภาส’ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา Sharge ได้สร้างเครือข่ายสถานีชาร์จกว่า 486 จุดใน 155 แห่ง โดย 75% อยู่ในภาคกลางของประเทศไทย
เพื่อเป็นการแก้ปัญหาการต่อคิวตามสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน โครงการ RÊVERSHARGER จึงร่วมมือกับพันธมิตรในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลายราย รวมถึงโรงแรมเดอะสแตนดาร์ด, แสนสิริ และชาญอิสสระ ตลอดจนสถานีบริการบริการน้ำมัน ได้แก่ ซัสโก้และบางจาก เพื่อสร้างสถานีชาร์จที่ทุกคนเข้าถึงได้อย่างสะดวกสบาย
และแม้จะเปลี่ยนชื่อแบรนด์จาก SHARGE มาเป็น RÊVERSHARGER แล้ว แต่ยังคงรองรับรถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นทุกแบรนด์ดังเดิม
