‘โรบินฮู้ด’ ปิดดีล รับช่วงต่อ ‘ฟู้ดแพนด้า’ ลุยขยายบริการไปหัวเมืองหลัก

‘โรบินฮู้ด’ ปิดดีล รับช่วงต่อ ‘ฟู้ดแพนด้า’ ลุยขยายบริการไปหัวเมืองหลัก

หลังจาก ฟู้ดแพนด้า บริษัทในเครือของ Delivery Hero จากประเทศเยอรมนี เจ้าหมีสีชมพูกับ 13 ปีในประเทศไทย ประกาศหยุดให้บริการทั้งหมดในบ้านเรา ตั้งแต่ 23 พฤษภาคม เป็นต้นไป

ล่าสุดโรบินฮู้ด แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่สัญชาติไทย ดำเนินการโดยบริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด ในเครือกลุ่ม บริษัท ยิบอินซอย จำกัด ประกาศข้อตกลงเชิงกลยุทธ์กับฟู้ดแพนด้า เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา

ข้อตกลงนี้มีเป้าหมายเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านอย่างราบรื่นของ ลูกค้า ร้านอาหาร และไรเดอร์ของฟู้ดแพนด้าในประเทศไทยสู่โรบินฮู้ด หลังฟู้ดแพนด้าจะยุติการให้บริการในประเทศไทยในวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 เวลา 23.59 น.

เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านครั้งนี้ โรบินฮู้ดได้พัฒนาแอพพลิเคชันให้รองรับการใช้งานภาษาอังกฤษได้ดียิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าชาวต่างชาติที่เคยใช้บริการของฟู้ดแพนด้า ทั้งนี้โรบินฮู้ดให้บริการในกรุงเทพฯ และปริมณฑล และมีแผนที่จะขยายสู่หัวเมืองหลัก ภายในสิ้นไตรมาสที่ 4 ของปี 2568

โรบินฮู้ดถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรกโดย SCBX เพื่อช่วยเหลือชุมชนในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ต่อมาถูกส่งต่อมายังกลุ่มบริษัท ยิบอินซอย จำกัด

‘มรกต ยิบอินซอย’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของโรบินฮู้ด กล่าวว่า ข้อตกลงนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมฟู้ดเดลิเวอรี่ในประเทศไทย ที่สะท้อนว่าแบรนด์ระดับสากลและแพลตฟอร์มท้องถิ่นสามารถร่วมมือกัน เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมและความต่อเนื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในขณะที่ฟู้ดแพนด้ากำลังเตรียมยุติการดำเนินงานในประเทศไทย ระบบนิเวศของแบรนด์ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า ร้านอาหาร และไรเดอร์จะถูกส่งต่อให้โรบินฮู้ดดูแล

“เราพร้อมต้อนรับลูกค้าและพันธมิตรของฟู้ดแพนด้าทุกท่าน และจะดำเนินการเปลี่ยนผ่านอย่างราบรื่น โดยเน้นหลักความเป็นธรรม คุณภาพการบริการ และความใส่ใจ”

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ‘ยอด ชินสุภัคกุล’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai ให้ความเห็นเกี่ยวกับสภาพตลาดฟู้ดเดลิเวอรีไทยหลังการถอนตัวของ foodpanda ว่า การถอนตัวของ foodpanda ทำให้อุตสาหกรรมฟู้ดเดลิเวอรีของไทยเข้าสู่การแข่งขันแบบ ‘Duopoly’ อย่างชัดเจน

(คำว่า Duopoly ในทางธุรกิจ คือตลาดฟู้ดเดลิเวอรี่ จะมีผู้ขายหลักเพียง 2 ราย ที่ครองส่วนแบ่งตลาด และแข่งขันกันโดยตรงในบริการชนิดเดียวกัน)

ผู้บริหาร LINE MAN Wongnai บอกด้วยว่า เมื่อไปดู ข้อมูลของ Redseer ในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 LINE MAN ครองส่วนแบ่งตลาดจากจำนวนธุรกรรมที่ 44% ขณะที่ Foodpanda มีส่วนแบ่งประมาณ 5% แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงในจำนวนผู้เล่น แต่โครงสร้างตลาดยังคงมีเสถียรภาพ และการแข่งขันยังอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงเดิม​

สถานการณ์นี้มองว่าอาจเป็นจุดเปลี่ยนจาก ‘สงครามราคา’ สู่ ‘สงครามคุณภาพ’ โดยผู้เล่นที่เหลือสามารถจัดสมดุลระหว่างคุณภาพ บริการ และการบริหารต้นทุนได้ดีขึ้น เปิดโอกาสในการทำกำไรอย่างยั่งยืน และมีทรัพยากรเพียงพอในการลงทุนพัฒนาบริการใหม่

ขณะที่มุมมองของ Grab ประเทศไทย ‘จันต์สุดา ธนานิตยะอุดม’ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย มองว่า ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นตอกย้ำว่ากลยุทธ์ที่แกร็บได้ปรับและดำเนินการมาในช่วง 2-3 ปีหลังนั้นมาถูกทางแล้ว ให้ความสำคัญกับการรักษาสมดุลในวงจรธุรกิจเป็นอันดับแรก ด้วยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง

“Grab ประเทศไทยเป็นผู้เล่นเพียงรายเดียวที่สามารถทำกำไรต่อเนื่องมาเป็นปีที่สอง และสามารถครองความนิยมอันดับหนึ่งด้วยส่วนแบ่งตลาดของ GrabFood ที่มีถึง 46% อ้างอิงจากรายงานของ Momentum Works ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยชั้นนำในภูมิภาคจากในยุคแรกที่เริ่มด้วยการเผาเงินผ่านการให้ส่วนลดมากๆ เพื่อสร้างตลาด ซึ่งถือเป็นการสร้างอุปสงค์เทียม (Fake demand) มาเป็นการโฟกัสที่คุณภาพและมาตรฐานของการให้บริการ”

Chalathip ThirasoonthrakulWriterChalathip Thirasoonthrakul
Business and Economics Editor
[email protected]

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง