เมื่อโลกผลัดเปลี่ยนจากยุคอยากมีลูกสู่ยุคอยากมีลูก (หมา) ลูก (แมว) ทำให้สถานการณ์ตลาดอาหารน้องหมาน้องแมวเปลี่ยนแปลงไปด้วย TODAY Bizview คุยกับนายสัตวแพทย์จดล สุวรรณฤทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรยัล คานิน (ประเทศไทย) ถึงสถานการณ์ตลาดอาหารหมาแมวในประเทศไทย
[ โควิด-19 คนไทยรับเลี้ยงหมาแมวเกลี้ยงฟาร์ม-ศูนย์ ]
นายสัตวแพทย์จดล สุวรรณฤทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรยัล คานิน (ประเทศไทย) อธิบายสถานการณ์ตลาดอาหารน้องหมาน้องแมวว่า ปัจจุบันตลาดมีมูลค่าราว 34,000 ล้านบาท โดยปกติแล้วธรรมชาติของตลาดอาหารสุนัขและแมวจะเติบโตแบบบวก 1-2% จาก GDP อาทิ ถ้า GDP เติบโต 3% ตลาดอาหารน้องหมาแมวจะเติบโต 4-5%
แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงโควิด-19 เป็นช่วงเวลาที่คนถูกบังคับให้อยู่บ้าน ทำให้ความต้องการเลี้ยงน้องหมาแมวพุ่งขึ้น สะท้อนจากฟาร์มและศูนย์รับอุปการะที่น้องหมาแมวถูกรับเลี้ยงจนหมดเกลี้ยงหลายแห่ง
ทำให้ตลาดอาหารหมาแมวที่เติบโตสอดคล้องกับปริมาณหมาแมวเองก็เติบโตอย่างก้าวกระโดดทะลุ 10% ในเวลานั้น และมีแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น
แค่แบรนด์โลคอลก็มีมากกว่า 30-40 แบรนด์แล้ว การแข่งขันในการทำตลาดก็มากขึ้นด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้พรีเซนเตอร์ อินฟลูเอนเซอร์ หรือการตลาดรูปแบบอื่นๆ ที่น่าสนใจ
แต่พอจบวิกฤตโควิด-19 การเติบโตตลาดอาหารหมาแมวก็เริ่มกลับมาเป็นปกติในอัตราใกล้เคียงกับก่อนเกิดโควิด-19

[ คนยุคนี้เลือกเลี้ยง ‘แมว’ มากกว่า ‘หมา’ เพราะดูแลง่าย-กินน้อยกว่า ]
โดยในช่วงโควิด-19 จนถึงตอนนี้ ’น้องแมว‘ ได้รับความนิยมรับเลี้ยงใหม่มากกว่าน้องหมา เพราะคนส่วนใหญ่มองว่าเลี้ยงง่ายกว่า เนื่องจากกินน้อย ไม่เสียงดัง สามารถเลี้ยงในคอนโดมิเนียมได้ และใช้เวลาดูแลน้อยกว่าน้องหมาที่ต้องพาออกจากบ้านไปเดินเล่น ทำกิจกรรม น้องแมวจึงแมทช์กับชีวิตคนเมืองวัยทำงานที่มีเวลาดูแลสัตว์เลี้ยงน้อย
ประกอบกับเทรนด์ ‘ทาสแมว’ ที่ได้รับความนิยมในโซเชียลมีเดีย ส่งผลให้แม้ในประเทศไทยจะมีจำนวนหมามากกว่าแมว (น้องหมา 14 ล้านตัว น้องแมว 7 ล้านตังว) แต่มีการสันนิษฐานว่า จำนวนแมวที่มีเจ้าของน่าจะเยอะกว่าหมาที่มีเจ้าของ จนทำให้จำนวนแมวที่กินอาหารสำเร็จรูปมากกว่าหมาไปด้วย
Royal Canin คาดว่าจำนวนน้องแมวที่กินอาหารสำเร็จรูปมีสัดส่วน 30% ของจำนวนประชากรน้องแมวทั้งหมด ในขณะที่สัดส่วนน้องหมาที่กินอาหารสำเร็จรูปมี 15-17% ของจำนวนน้องหมาทั้งหมด
[ น้องแมวกินแบบไหนกินแบบนั้น ส่วนน้องหมาชอบเปลี่ยน ]
อีกประเด็นนอกจากจำนวนที่ทำให้มีผู้เล่นลงมาเล่นในตลาดผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารแมวมากขึ้น คือ น้องแมวมักจะกินอาหารแบบไหนก็กินแบบนั้นตลอด หรือมี loyalty ต่ออาหารสูง ไม่ค่อยเปลี่ยนแบรนด์หรือสูตรอาหารที่กิน แตกต่างจากน้องหมาที่เปลี่ยนอาหารค่อนข้างไว
ทำให้ผู้ผลิตในตลาดอาหารแมวเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดอาหารแมวแบบซองหรือแบบเปียกที่ประเทศไทยมีโรงงานที่พร้อมผลิตจำนวนมาก สามารถปรับจากโรงงานผลิตอาหารจำนวนปลาของมนุษย์ได้ทันที และมีมาร์จินที่ดีกว่าอาหารคนด้วย
[ Royal Canin ปรับพอร์ต เพิ่มอาหารแมว เจาะเฉพาะสายพันธุ์ ]
ผู้บริหารเล่าว่า ในส่วนของ Royal Canin เองก็ปรับพอร์ตให้มีสัดส่วนอาหารน้องแมวมากกว่าน้องหมาในสัดส่วน 60:40 และยังมีแผนจะออกอาหารน้องแมวเน้นเฉพาะสายพันธุ์อย่างเบงกอล แรคดอล และสฟริงซ์เพิ่มด้วยในปีนี้
โดยคุณหมออธิบายว่า แมวแต่ละสายพันธุ์ก็จะมีความแตกต่างทั้งโภชนาการและวิธีการกินอาหาร อย่างเช่นแมวเปอร์เซียก็จะเหมาะกับอาหารเม็ดที่ไม่กลมเกินไป เพราะจะตวัดเข้าปากได้ไม่ถนัด ทำให้น้องแมวกินได้น้อยและรับสารอาหารน้อยกว่าที่ควรจะได้รับ

[ ลุยตลาดหมาแมวแก่ รอรับสังคมสูงวัยสัตว์เลี้ยง ]
ปกติแล้วตลาดอาหารหมาแมวส่วนใหญ่จะเน้นช่วงวัย 7-12 ปีที่เป็นช่วงวัยโตเต็มวัยเป็นหลัก โดยเฉพาะในตลาดอาหารหมาแมวระดับเมนสตรีมที่จะเน้นช่วงวัยนี้เป็นหลัก
ส่วนช่วงวัยที่ได้รับความสนใจจากผู้ผลิตรองลงมา คือ วัย 1-7 ปีของหมาแมวเด็ก โดย Royal Canin เองก็มีผลิตภัณฑ์อาหารเฉพาะสำหรับหมาแมวเด็กเช่นกัน
แต่อีกกลุ่มที่ Royal Canin เล็งเห็น คือ กลุ่มหมาแมวแก่ เพราะน้องหมาแมวที่ถูกรับเลี้ยงในช่วงโควิด-19 จะกลายเป็นหมาแมวแก่ในอีกไม่เกิน 1-2 ปีข้างหน้า ซึ่งหมาแมวกลุ่มนี้ต่างก็ต้องการอาหารและโภชนาการเฉพาะตัว จึงเลือกลุยอาหารหมาแมวสูงวัยเพิ่มขึ้นในอนาคต

[ ตลาดอาหารหมาแมวไทยยังเหลือพื้นที่โตอีกมาก ]
นสพ.จดล ประเมินว่า ตลาดอาหารน้องหมาน้องแมวไทยยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก เพราะปริมาณน้องหมาแมวที่เปลี่ยนมากินอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยง จำนวนประชากรสัตว์เลี้ยง และปริมาณการใช้จ่ายต่อปี โดยถ้าเทียบกับตลาดอเมริกาและยุโรปที่เติบโตเกือบจะเต็มศักยภาพแล้ว หรือตลาดจีนและอินโดนีเซียที่มีฐานน้อยมาก ตลาดไทยถือว่ามีโอกาสที่น่าสนใจ โดย Royal Canin มียอดขายเติบโตกว่า 20% ในปีที่ผ่านมา และปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 10%










