รัฐสภาเริ่มถกแก้รธน.วาระ 2 กมธ.แจง ปรับแก้เนื้อหาจากร่างรัฐบาล 6 ข้อ กำหนดใช้เสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 เห็นชอบในวาระ 1 และ 3ให้ส.ส.ร. 200 คน มาจากการเลือกตั้ง
วันที่ 24 ก.พ. 2564 มีการประชุมร่วมรัฐสภา โดยมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา เป็นประธานในการประชุม เพื่อพิจารณา ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1) ซึ่งคณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว ทั้งนี้ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกรรมาธิการฯ ชี้แจงว่า กรรมาธิการฯ แก้ไขจากเนื้อหาที่รับจากรัฐสภาคือ 1.คะแนนเสียงเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญในวาระ 1 และวาระ 3 ใช้เสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดที่มีของทั้ง 2 สภา 2.กำหนดตรวจสอบกระบวนการตรารัฐธรรมนูญ โดยให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 200 คน ที่มาจากเลือกตั้งของประชาชน
นายวิรัช กล่าวอีกว่า 3.ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง นำบทบัญญัติในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และบทกำหนดโทษที่เกี่ยวข้อง บังคับใช้โดยอนุโลมกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 4.กรณีที่ตำแหน่งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญว่างลงเพราะตาย หรือขาดคุณสมบัติ ให้จัดการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างภายใน 45 วัน ยกเว้นเวลาทำรัฐธรรมนูญใหม่เหลือไม่ถึง 90 วัน 5.ให้อำนาจสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ แต่งตั้งกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จากสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือตั้งกรรมาธิการอื่นที่มีบุคคลภายนอก โดยคำนึงถึงความรู้ความเชี่ยวชาญมาทำหน้าที่ และให้มีจำนวนกรรมาธิการตามจำเป็น และ 6.เมื่อสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญทำรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว ให้เสนอต่อรัฐสภา โดยให้อภิปรายแสดงความเห็นโดยไม่ลงมติภายใน 30 วัน จากนั้นส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อออกเสียงประชามติภายใน 7 วัน
ด้านนายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา อภิปรายว่า จำนวนเสียงแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 1 และ 3 ที่ต้องใช้เสียง 3 ใน 5 ตามร่างของพรรคร่วมรัฐบาลนั้นเหมาะสมอยู่แล้ว หากใช้เสียง 2 ใน 3 ตามที่กรรมาธิการฯ แก้ไขนั้นคิดว่าไม่เหมาะสม เพราะถ้าสมาชิกวุฒิสภาไม่เห็นด้วยจะไม่มีทางแก้ไขรัฐธรรมนูญได้เลย เนื่องจากเสียงของ ส.ส.ขณะนี้มี 487 เสียง ถ้าต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ของรัฐสภาคือ 492 คน ต่อให้ประธานสภาฯ ลงมติด้วยก็ยังไม่เพียงพอที่จะแก้รัฐธรรมนูญในวาระ 1 และ 3 ได้
ขณะที่นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายว่า ตัวเลข 2 ใน 3 ถือว่าสูงเกินไป ที่ผ่านมามีรัฐธรรมนูญ 8 ฉบับ ก็ให้ใช้เสียงแก้ไขรัฐธรรมนูญแค่กึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา การอ้างว่าการแก้รัฐธรรมนูญควรทำได้ยากนั้น ควรจะต้องไม่ยากเกินไปจนเกิดทางตันหรือวิกฤติทางรัฐธรรมนูญได้ ถ้าจะเกินกึ่งหนึ่งเล็กน้อยถือว่าพอรับได้ แต่ถ้าใช้เสียง 2 ใน 3 นั้นไม่ควรเป็นอันขาด ขณะนี้มี ส.ส.เกือบ 500 คนก็ยังแก้ไขไม่ได้เลยหากสมาชิกวุฒิสภาไม่ยินยอม ซึ่งจะทำให้ประชาชนรู้สึกว่า ประชาธิปไตยแก้ปัญหาให้ประชาชนไม่ได้ จึงอยากให้กลับไปใช้เสียง 3 ใน 5 เหมือนเดิม










