คนไทยคุ้นเคยกับ ‘โซดาสิงห์’ มายาวนาน พิสูจน์ได้จากสัดส่วนการตลาดของเครื่องดื่มกลุ่มโซดาในไทย ที่สิงห์ครองส่วนแบ่งไว้ได้ราว 92% หรือคิดเป็นยอดขาย 500 กว่าล้านลิตรต่อปีเลยทีเดียว
ในทางการเติบโตของธุรกิจนอกจากแบรนด์จะต้องรักษาส่วนแบ่งในตลาดไว้แล้ว ก็ยังต้องขยายฐานเพิ่มลูกค้าไปด้วย แน่นอนว่า กลยุทธ์ Collaboration Marketing จึงถูกนำมาใช้กับโซดาสิงห์ เพื่อดึงความสนใจจากกลุ่มลูกค้าเดิม และเพิ่มลูกค้าใหม่ๆ โดยล่าสุดโซดาสิงห์เลือกที่จะ Collab ร่วมงานกับแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Harley-Davidson (ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน) ผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์สัญชาติอเมริกัน
‘ธิติพร ธรรมาภิมุขกุล’ Chief Marketing Officer บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด เล่าให้ TODAYBizview ฟังว่า การที่ทั้งสองแบรนด์จับมือร่วมกัน ถือว่าตรงกับฐานลูกค้ากลุ่มใหญ่ของโซดาสิงห์ที่เป็นกลุ่ม Biker นักขับสองล้อ ทำให้การ collab นี้จะ ถูกใจกลุ่มลูกค้าและสามารถขยายกลุ่มได้เพิ่มขึ้น
“กว่าแคมเปญนี้จะเกิดขึ้นได้ใช้เวลาติดต่อถึง 3 ปี เพราะ Harley-Davidson เป็นแบรนด์ระดับโลก มีคาแรกเตอร์ที่ชัดเจน และมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน การติดต่อจึงต้องค่อยๆ ผ่านแต่ละขั้นตอนตั้งแต่สำนักงานในไทย ภูมิภาค ไปจนถึงสำนักงานใหญ่ ซึ่งโซดาสิงห์ ก็ถือเป็นแบรนด์เครื่องดื่มรายแรกของเอเชียที่ได้ collab กับ Harley-Davidson”
การตลาดแบบเมื่อ ‘โซดาสิงห์’ จับมือกับแบรนด์ระดับโลก ‘Harley-Davidson’ (ฮาร์ลีย์-เดวิดสัน) ผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์สัญชาติอเมริกัน เปิดตัวแคมเปญ “ซ่าให้สุดทาง” เดินหน้าจัดกิจกรรมพิเศษแบบจัดเต็มจนถึงสิ้นปี ย้ำแบรนด์โซดาซ่าตัวจริง อันดับหนึ่งในใจผู้บริโภค
สำหรับแคมเปญ ‘ซ่าให้สุดทาง’ จะมีความพิเศษมากมายทั้งในส่วนของ ฉลากพิเศษ “โซดาสิงห์ x Harley Davidson” และของรางวัลพิเศษ ทั้ง Gift set และ เสื้อออฟฟิเชี่ยลคอลเลคชั่นจำนวนจำกัด ที่ส่งตรงจาก Harley Davidson ประเทศสหรัฐอเมริกา
รวมทั้งกิจกรรมโรดโชว์ที่จะเดินทางไปยังจังหวัด ภูเก็ต, พิษณุโลก, นครราชสีมา, เชียงใหม่ และปิดท้ายที่จังหวัดเชียงราย กับงาน Asia Harley Days(TM) ที่จะจัดคู่กับ คอนเสิร์ต Singha Soda Music Concert 2024 ที่สิงห์ปาร์ค เชียงรายอีกด้วย
[ ลุยตลาดต่างประเทศ ‘เกาหลี’ ไปได้ดี ]
สำหรับภาพรวมปีนี้ ‘ธิติพร’ บอกว่า ตลาดโซดาโตลดลง เพราะเกิน 50% ของผู้บริโภคคนไทยนำโซดาไปดื่มกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งกลุ่มเครื่องดื่มสุรามียอดขายน้อยลงราวๆ 16% ทำให้โซดาก็มียอดขายลดลงตามไปด้วย ที่เป็นเช่นนี้เพราะรูปแบบพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปคนไทยดื่มในสถานบันเทิงน้อยลงจากภาวะเศรษฐกิจ และคนอยู่บ้านมากขึ้น เมื่ออยู่บ้านก็เลือกดื่มกลุ่มเบียร์แทน เพราะต้นทุนถูกกว่า มีเงิน 60 บาท ก็ดื่มได้แล้ว ทำให้ตลาดโซดาจึงโตน้อย
สำหรับพฤติกรรมลูกค้าโซดาสิงห์แบ่งประเภทการดื่มออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่
-
-
-
-
- 70% ซื้อดื่มกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- 20% ซื้อดื่มผสมกับน้ำหวาน
- 10% ซื้อดื่มเพียวๆ
-
-
-
“ตอนนี้โซดาสิงห์ 90% ยังคงอยู่ในตลาดประเทศไทย และเริ่มขยายตลาดไปยังต่างประเทศมากขึ้น ถึง 10% แล้ว โดยเฉพาะกับเกาหลีที่ตอบรับดีมาก เพราะโซดาสิงห์เป็นขวดแก้ว ซึ่งโซดาแบรนด์ของเกาหลีเป็นขวดพลาสติกทำให้เก็บความซ่าได้น้อยกว่า คนเกาหลีจึงเริ่มนิยมดื่มโซดาสิงห์มากขึ้น รองมาเป็นตลาดจีนและฮ่องกงที่กระแสตอบรับดีตามลำดับ”
