พ่อแม่ก็ต้องดู ลูกก็ต้องเลี้ยง งานก็ต้องทำ ‘Sandwich Generation’ ช่วงวัยแห่งการเป็นเดอะแบก

พ่อแม่ก็ต้องดู ลูกก็ต้องเลี้ยง งานก็ต้องทำ ‘Sandwich Generation’ ช่วงวัยแห่งการเป็นเดอะแบก

ธุรกิจ

สำหรับวัยทำงานหลายๆ คน น่าจะมีภาระหน้าที่ต้องรับผิดชอบกันมากอยู่แล้ว ทั้งธุระส่วนตัวในเรื่องของการเงิน การงาน สุขภาพ ที่ล้วนแต่มีต้นทุนที่ต้องจ่ายไปทั้งสิ้น

แต่มากไปกว่านั้นก็คือการต้องดูแลรับผิดชอบภาระส่วนอื่นๆ ไปพร้อมกันด้วย อย่างพ่อแม่ที่เริ่มเข้าสู่วัยชรา รวมถึงลูกเล็กหรือบรรดาหลานๆ

การต้องดูแลทั้งคนแก่และเด็กน้อยไปพร้อมๆ กันนี้ มีคำเรียกเชิงเปรียบเปรยว่าคนวัยนี้กำลังเป็น ‘Sandwich Generation’ หรือช่วงวัยแห่งแซนด์วิช ที่ต้องแบกภาระประกบหน้าหลังจนแทบจะขยับตัวไปไหนไม่ได้

[ จำนวนแซนด์วิชที่เพิ่มขึ้น และภาวะความกดดันที่พุ่งทะยาน ]

‘Sandwich Generation’ เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างทางประชากรและสภาวะทางสังคมที่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

โดยบทความจากเว็บไซต์บีบีซี (BBC) ให้ข้อมูลว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เจเนอเรชั่นแซนด์วิชถูกพูดถึงมากขึ้นนั้น มาจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) รวมทั้งการมาถึงของวิกฤตโควิด-19 ที่มีผลทำให้รูปแบบการใช้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปด้วย

คนที่ตรงกับนิยาม ‘แซนด์วิช’ คือรุ่นคนที่มีสภาวะติดอยู่ตรงกลางระหว่างพ่อแม่ที่เป็นผู้สูงอายุและลูกเล็กในวัยที่ยังต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ ทั้งยังต้องสนับสนุนพ่อแม่และลูกไปในขณะเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านการเงิน จิตใจ อารมณ์ และร่างกาย

โดยการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ก็ยิ่งทำให้ทุกๆ คนต้องกลับมารวมตัวกันอยู่ที่บ้าน เด็กๆ ที่เคยออกไปโรงเรียน ใช้เวลามากกว่า 1 ใน 3 ของวัน กลับต้องอยู่บ้านตลอด 24 ชั่วโมงแทน ผู้สูงอายุก็ต้องได้รับการดูแลที่พิเศษมากขึ้น ระมัดระวังมากยิ่งขึ้น

เมื่อบวกกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและภาระส่วนตัวที่ต้องแบกรับด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้เจเนอเรชั่นแซนด์วิชถูกบีบอัด เผชิญกับความเครียด ความวิตกกังวลที่เพิ่มขึ้น ในแง่ของเวลาและการเงินเช่นเดียวกัน

มีกรณีตัวอย่างของ Erin Creighton เธอทำงานในตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด เป็นแม่ของลูกสาวสองคนวัย 7 ขวบ และ 2 ขวบ ส่วนพ่อแม่ของเธอเข้าสู่วัยเกษียณและเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่ที่รัฐนอร์ธ แคโรไลนา

ทว่า ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อแม่ของเธอต้องเผชิญกับภาวะสโตรก ทำให้สูญเสียความทรงจำระยะสั้นไปโดยที่เธอเองไม่ได้เตรียมใจกับเหตุการณ์นี้มาก่อน

อาการเจ็บป่วยของแม่ทำให้ Erin ต้องวิ่งเต้นโยกย้ายให้แม่มารักษาตัวในโรงพยาบาลใกล้บ้าน ชีวิตของ Erin ยุ่งเหยิงไปหมด และเธอเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า จะมีวิธีใดช่วยให้เธอจัดการชีวิตตนเองได้ดีกว่านี้

[ แซนด์วิชทำให้ชีวิตหนุ่มสาวสั่นคลอน ]

คำถามสำคัญมากไปกว่าการต้องดูแลผู้สูงอายุและเด็กๆ ไปพร้อมกัน ก็คือผลกระทบทางเศรษฐกิจและความก้าวหน้าของคนหนุ่มสาวจะเป็นอย่างไรต่อไป

ประเด็นปัญหานี้จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางชีวิต และสภาวะทางการเงินที่ดีหรือไม่ ซึ่งหากลองไล่เรียงสิ่งที่ต้องแบกรับของคนทำงานที่อยู่ในเจเนอเรชั่นแซนด์วิชแล้วแน่นอนว่า การต้องดูแลคนสองกลุ่มไปพร้อมๆ กัน ย่อมส่งผลต่อความสามารถการทางการเงินในระยะยาว

การสะสมทรัพยากรและความมั่งคั่งอย่างที่ควรจะเป็นก็อาจจะทำได้ไม่เต็มกำลังเท่ากับกลุ่มคนที่ไม่มีภาระการดูแลตรงนี้

สิ่งที่พวกเขาต้องเสียไปไม่ใช่แค่เงินทอง ค่าใช้จ่าย แต่ยังรวมถึงเวลา การลงทุน และต้นทุนในส่วนอื่นๆ ด้วย

ไม่ใช่แค่ในประเทศไทยเท่านั้นที่มีข้อมูลว่า คนเจเนอเรชั่นเบบี้ บูมเมอร์ มีฐานะทางการเงินดีกว่าคนเจเนอเรชั่นมิลเลนเนียล แต่ในสหรัฐอเมริกาเองก็พบว่า ผู้สูงอายุมีสถานะทางการเงินดีกว่าคนอายุน้อย

สภาวะเศรษฐกิจที่ไม่สู้ดี ประกอบกับความบอบช้ำภายหลังวิกฤตโควิด-19 ที่ทิ้งแผลเป็นระยะยาวให้กับผู้คน ก็ยิ่งตอกย้ำซ้ำเติมให้ทรัพยากรอันน้อยนิดยิ่งลดน้อยถอยลงไปอีก

ราคาที่อยู่อาศัยที่สูงขึ้น เงินบำนาญที่น้อยลง งานที่มีความเสี่ยงสูง ส่งผลสะเทือนอย่างรุนแรงต่อการจ้างงาน หนี้ครัวเรือน ตลอดจนการสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์แบบก็ด้วย

นอกจากนี้ โควิด-19 ได้ผลักดันให้คนรุ่นใหม่เข้าสู่ ‘ยุคแซนด์วิช’ เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ กรณีตัวอย่างในสหรัฐอเมริกาพบว่า คนมิลเลนเนียลมากกว่า 1 ใน 3 อาจต้องตกอยู่ในแซนด์วิชเจเนอเรชั่น ซึ่งอัตรานี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังมีการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และยังเป็นจำนวนที่มากกว่าเมื่อเทียบกับ Gen X และ Baby Boomers

ในระดับมหภาค จะส่งผลให้คนรุ่นใหม่เลือกที่จะมีครอบครัวขนาดเล็กลง ซึ่งสิ่งนี้ก็จะกลายเป็นปัญหางูกินหาง กล่าวคือ มีคนแก่มากขึ้นเรื่อยๆ จำนวนเด็กเกิดใหม่ลดลง ทำให้ในอนาคตสังคมกลายเป็นพิระมิดทรงคว่ำ คือเด็กคนเดียวต้องแบกรับภาระดูแลคนแก่ที่มีจำนวนมากกว่า ไม่มีพี่น้องคอยดูแลพ่อแม่ที่แก่ชราภาพแล้ว

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะช่วยบรรเทาปัญหาในระยะยาวได้ยั่งยืนขึ้น ไม่ใช่การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตด้วยตัวของคนมิลเลนเนียลเอง แต่ต้องเป็นการเข้ามา take action ของภาครัฐ การลงทุนสำหรับโครงสร้างพื้นฐานทางสังคมที่ดี ซึ่งจะกลายเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่สุด

ที่มา:

https://www.bbc.com/worklife/article/20210128-why-the-sandwich-generation-is-so-stressed-out

https://www.healthline.com/health/parenting/the-sandwich-generation-needs-help

https://www.parents.com/health/mental/the-mental-load-of-being-a-sandwich-generation-caregiver/

แท็กที่เกี่ยวข้อง
พิราภรณ์Writerพิราภรณ์
อดีตนักข่าวไลฟ์สไตล์ นักเขียนที่สนใจข่าวการเมือง สังคม เศรษฐกิจ การตลาด และหวังให้ความเหลื่อมล้ำหมดไปจากสังคม

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง